วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2562

4 โครตกุนซือขั้นเทพที่ยังว่างงาน รอวันกลับมารับงานคุมทีมอีกครั้ง


4 กุนซือที่ฝีมือระดับเทพ ที่ยังว่างงานและรอวันกลับมาคุมทีมอีกครั้ง

จริงๆ แล้ว ณ ปัจจุบันในวงการลูกหนังของยุโรปนั้นไม่ได้มีแค่ เป็ป กับ คล็อปป์ เท่านั้นที่มีความเก่งและสมองที่เป็นเลิศ แต่ยังมีกุนซืออีกหลายคนที่ แต่พวกเขาเลือกที่จะวางมือเพื่อไปพักผ่อนหรือเติมไฟให้กับตัวเองอยู่หลายคนด้วยกัน และพวกเค้าก็จะกลับมาด้วยความกระหายที่จะพาทีมคว้าแชมป์ โดยตอนนี้มี 4 กุนซือระดับเทพที่ยังว่างงานอยู่เราจะพาไปดู 4 กุนซือที่รอวันหวนกลับมาคุมทีมอีกครั้ง

1.โชเซ่ มูรินโญ่ คงไม่มีใครสงสัยและกล้าเถียงว่า มูรินโญ่ คือโครตมหากุนซือที่ยิ่งใหญ่ในโลกลูกหนังของวงการฟุตบอลที่เคยมีมา โดยกุนซือฉายา เดอะ สเปเชียลวัน เป็นกุนซือคนหนึ่งที่มีสไตล์การทำทีมเป็นของตัวเอง และไม่มีใครที่จะสามารถเรียนแบบเค้าได้อย่างแน่นอน โดย มูรินโญ่ เคยผ่านการคุมทีมมาแล้วหลากหลายสโมสรและพาทีมเหล่านั้นได้แชมป์อย่างยิ่งใหญ่ เช่น แชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ปอร์โต้, เชลซี ครองแชมป์พรีเมียร์ลีก, ผงาดพา อินเตอร์ สอยทริปเบิ้ลแชมป์ และสวมบทโค้ช เรอัล มาดริด สอยแชมป์ ลา ลีกา ได้อีกซึ่งจากทีมใหญ่ของยุโรปที่กล่าวข้างต้น มูรินโญ่ สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้ทุกทีม และล่าสุดก็ยังสามารถพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก, เอฟเอคัพ, คาราบาว คัพ แต่ด้วยความคาดหวังที่สูงของ ปีศาจแดง ทำให้มูริญโญ่ ถูกกดดันจากหลายทางทั้งแฟนบอลและสโมสรหรือนักข่าวจนสุดท้ายด้วยผลงานที่ไม่ค่อยสู้ดีนักทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปลด มูรินโญ่ ออก และดึง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เข้ามาคุมทีมเอง

2.มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี อดีตกุนซือ ของยูเวนตุส ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเทรนเนอร์ที่เก่งที่สุดของโลก แม้ว่าเขาจะขาดแค่การพาทีมคว้าแชมป์ยุโรป หรือ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ในช่วงที่เจ้าตัวเป็นนายใหญ่ของ ม้าลาย ก็สามารถพาทีมประสบความสำเร็จในระดับประเทศ ด้วยการพาทีมได้แชมป์รายการหลักในอิตาลี 11 โทรฟี่ในช่วง 5 ซีซั่นกับม้าลาย ซึ่งเหตุผลหลักๆ ที่อัลเลกรี ต้องแยกทางกับม้าลายก็เพราะว่าทางมโมสรต้องการให้ทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองให้ได้นั้นเอง ซึ่ง อัลเลกรี สามารถพาทีมทะลุเข้าถึงรอบชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ 2 สมัยใน รอบ 3 ปี แต่ก็น่าเสียดายเพราะ 2 ครั้งที่เข้าชิงม้าลายต้องพ่ายแพ้ให้กับ 2 มหาอำนาจของสเปนคือ บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด

3.อาร์แซน เวนเกอร์ นี้คือตำนานกุนซือของฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างแท้จริงและของ อาเซน่อล เพราะสามารถพาทีม ปืนใหญ่ เปลี่ยนแปลงเป็นทีมที่มีเกมรุกที่สนุกสนาน และสร้างสรรค์ และเต็มไปด้วยประสิทธิภาพในการระเบิดตาข่ายคู่แข่งได้เป็นว่าเล่น โดย เวนเกอร์ ทำหน้าที่กุมบังเหียนให้ ปืนใหญ่ นานกว่า 2 ทศวรรษพร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย และแชมป์ เอฟ เอคัพ 7 สมัยและเป็นผู้จัดการทีมเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ของโลกฟุตบอลที่สามารถพา อาร์เซน่อล คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้แบบไร้พ่าย ในฤดูกาล 2003-2004 และหลังจาก ฤดูกาลนั้น เวนเกอร์ ก็ไม่เคยสามารถพาทีมคว้าแชมป์ใดๆ ได้อีกเลย และหลังจาก โดนกดดันจากแฟนบอลหนักทำให้ เวนเกอร์ตัดสินใจลาทีม ปืนใหญ่ ในฤดูกาล 2017 หลังพาทีมจบได้แค่อันดับที่ 6 เท่านั้น

4.เคลาดิโอ รานิเอรี่ เป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ พรีเมียร์ลีก ต้องจดจำหลังสร้างปาฏิหารพา เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างยิ่งใหญ่ แต่หลังจากที่ทีมได้แชมป์แล้วฤดูกาลต่อมา รานิเอรี่ ก็ทำผมงานได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็จะต้องโดยปลดออก และย้ายไปเป็นผู้จัดการทีมในฝรั่งเศษกับทีม น็องต์ และก็กลับมา พรีเมียร์ลีกอีกที กลับฟูแล่ม และก็ไปที่อิตาลีกับโรม่า และก็แยกกันในฤดูกาล 2018-2019 จนถึงปัจจุบันมีหลายทีมในยุโรปที่อยากได้ตัวของ รานิเอรี่ ไปเป็นผู้จัดการทีมก็ต้องรอดูว่าทีมไหนจะได้ตัวเค้าไป

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  mylinkinvitation.com

ฟาน เดอร์ ซาร์ เตือน เดเคอา ด้วยความหวังดี


ฟาน เดอร์ ซาร์ ออกโรงเตือน ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตู แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่ามีสิทธิ์จะหลุดออกจากทีมตลอดเวลา

เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ อดีตตำนานผู้รักษาประตูของ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกโรงเตือน ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูชาวสเปน ด้วยตัวเองว่า จากฟอร์มที่ไม่คงเส้นคงวาอย่างทุกวันนี้เจ้าตัวมีสิทธิ์ที่จะหลุดจากทีม ปีศาจแดง ถ้าหากฟอร์มการเล่นของผู้รักษาประตูมือหนึ่งทีมชาติสเปน ยังทำผมงานกับต้นสังกัดได้ไม่ดีเท่าที่ควร และยังยืนยันว่า ปัจจุบัน เด เคอา ยังเป็นผู้รักษาประตูระดับต้นๆ ของโลกอยู่

เด เคอา โชว์ฟอร์มเชฟระดับเทพให้กับ แมนยูฯ ได้หลายฤดูกาลที่ผ่านมาจนถึงขนาดที่ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำสโมสรทั้งจากการโหวตของเพื่อนร่วมทีมและของแฟนบอลหลายสมัย รวมถึงเคยได้รางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของ พรีเมียร์ลีก จากการเก็บคลีนชีทได้มากที่สุดเมื่อฤดูกาล 2017-2018 อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามซีซั่นที่แล้ว เด เคอา ฟอร์มตกอย่างหนักจนเล่นพลาดและทำบอลกระฉอกออกจากซองหลายครั้งซึ่งมันพลาดแบบไม่น่าเชื่อ พร้อมยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียประตูใน พรีเมียร์ลีก มากถึง 54 ประตูทำให้ฤดูกาลที่แล้ว ปีศาจแดงเสียประตูมากที่สุดตั้งแต่ฤดูกาล 1978-1979 เลยทีเดียวที่โดนยิงมากถึง 63 ประตู แถมยังมีปัญหาเรื่องสัญญากับต้นสังกัดอีกหลังจากที่สัญญาฉบับปัจจุบันกับ ปีศาจแดง กำลังจะหมดลงในซัมเมอร์ ปีหน้า แต่ก็ยังหาทางออกเรื่องสัญญากันไม่ได้ซักที

หลังจากมีคนถาม ฟาน เดอร์ ซาร์ เกี่ยวกับเรื่องสัญญาที่กำลังจะหมดลงของ เด เคอา ฟาน เดอร์ ซาร์ ก็ตอบว่าพอถึงช่วงเวลาหนึ่งของอาชีพแล้วเค้าควรจะต้องตัดสินใจดีๆ เพราะตอนนี้สัญญาก็ใกล้จะหมดลงแล้ว ถ้าเค้าคิดจะอยู่กับทีมต่อไปก็ควรเริ่มที่จะเจรจาเกี่ยวกับสัญญาได้แล้ว แต่ถ้าเค้าคิดจะลาทีมก็ควรจะบอกหรือประกาศออกมาเพื่อที่ทีมของเราจะได้หาผู้รักษาประใหม่เข้ามาสู่ทีม เพราะการกระทำแบบจะเป็นการกระทำของนักฟุตบอลมืออาชีพและควรจะให้เกียรติกับต้นสังกัดปัจจุบันที่ค้าแข่งอยู่ และเรื่องที่ผมพูดไปทุกอย่างมันมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นได้ทุกอย่าง

อย่างไรก็ตาม ฟาน เดอร์ ซาร์ ที่เคยเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระหว่างปี 2005-2011 ก็เสริมว่าตัวเค้าเองก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับฟอร์มที่ตกลงไปของ เด เคอา เพราะเรื่องเหล่านี้มันก็เคยเกิดขึ้นกับตัวเค้าหรือนักฟุตบอลที่เคยค้าแข้งมากับเค้าทั้ง ไรอัน กิ๊กส์ และกับทุกคนในทีม มันจึงเป็นเรื่องปกติที่ผมมอง เด เคอา แค่เค้าต้องรีบปรับตัวและรีบเอาฟอร์มเก่งของตัวเองออกมาให้ได้เพื่อที่จะสามารถช่วยให้ทีมกลับมาลุ้นแชมป์ให้ได้โดยเร็ว และยังทิ้งทายเพื่อให้กำลังใจกับ เด เคอา ว่า “ฟอร์มของทุกคนมันไม่มีความตายตัวอยู่แล้ว เขาเคยเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นเวลานาน ดังนั้น พอถึงช่วงที่ฟอร์มตกแล้วคนก็จะให้ความสนใจในเรื่องฟอร์มของเค้าเป็นเรื่องปกติขึ้นอยู่ เด เคอา จะมองและแก้ไขปัญหาตรงนี้ยังไง เพราะผมมั่นใจว่าเค้ายังเป็นผู้รักษาประตูระดับท็อปของโลกอยู่ ณ ปัจจุบันนี้”

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  mutexed.com

จริงหรือป่าว ซาล่าห์ มาเน่ ไม่กินเส้นกันในทัพ ลิเวอร์พูล


จริงแค่ไหนที่มีข่าวว่า มาเน่ บอก ซาลาห์ เห็นแก่ตัวในการเล่นด้วยกันในทัพ ลิเวอร์พูล

โดยหลังๆ มามีข่าวออกมาว่า ซาดิโอมาเน่ ไม่พอใจกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพื่อนร่วมทีม หงแดงห์ โดยเมื่อเกมส์ในลีกเมื่อสัปดาห์ก่อนจะมีภาพหลุดถึงภาพที่ มาเน่ ตบะแตกใส่ซาลาห์ในเกมส์ที่ ลิเวอร์พูล ถล่ม เบิร์นลี่ย์ 3-0 โดยปัญาหาที่ทำให้ความไม่พอใจของ มาเน่ ค่อยๆจะปะทุออกมาเป็นเพราะ ซาลาห์ ไม่ค่อยจ่ายบอลให้เค้าเท่าไหร่โดยเฉพาะเวลาที่ตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า แต่โมซาลาห์ ก็จะฝืนเลี้ยงหรือยิงเองตลอดมันเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งจนทำให้เกมส์ที่เจอเบิร์นลี่ย์ เดือดถึงขั้นที่ มาน่า สติหลุดและด่า ซาลาห์ จนเกิดเป็นข่าวอย่างมากมายในโลกโซเชียล แต่ปัญหาก็ต้องพักไปก่อนเพราะหลังจากเกมส์ที่ผ่านมาก็เป็นช่วงพักเบรกทีมชาติพอดี และ พรีเมียร์ลีก ก็จะกลับมาเตะกันในอาทิตย์นี้ ทำให้ข่าวและแฟนๆ จับตามองความสัมพันธ์ของทั้งสองคนว่าในเกมส์อาทิตย์นี้จะออกมาเป็นอย่างไร จะมีดราม่าอะไรเพื่มอีกหรือป่าว

โดยสื่อและแฟนบอลให้ความสนใจที่ว่า ซาลาห์ เห็นแก่ตัวจริงหรือเปล่า โดยข่าวแบบนี้จะส่งผลแค่ไหนต่อดาวเตะชาว อียิปต์ ในเกมส์อาทิตย์นี้มากน้อยแค่ไหน โดยในฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2018-2019 โดยได้ที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก และคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก โดยผลงานที่ดีของ หงส์แดง ในฤดูกาลที่แล้วมาจาก 3 แนวรุกที่มีคุณภาพยุคนึงของ หงส์แดง และเมื่อลองเช็คประตูที่ทั้ง 3 คนยิงรวมกัน 3 แนวรุกของลิเวอร์พูลสามารถส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายของคู่แข่งได้ถึง 56 ประตู โดย ซาลาห์ และ มาเน่ ยิงกันไปในกันเกมส์ลีกคนละ 22 ประตูเป็นดาวซัลโวร่วม กับ ปีแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ของ อาเซน่อล ซึ่งแน่นอนว่า ฟอร์มของทั้ง 3 คนนั้นสุดยอดโดยไม่ต้องอธิบายอะไร แต่ตอนนี้ปัญหาอยู่ที่ความสัมพันธ์ของพวกเค้านั้นยังแนบแน่นกันอยู่เหมือนเดิมหรือป่าว

โดยในเกมส์วันเสาร์นี้ ลิเวอร์พูล จะเปิดสนาม แอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด โดยเว็บแทงบอลน่าเชื่อถือก็ได้เปิดราคาของคู่นี้ออกมาแล้วด้วย คาดการณ์ 11 ตัวจริงในนัดนี้ ผู้รักษาประตูจะเป็น อาเดรียน เพราะ อลีสซงที่ได้รับบาดเจ็บและยังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย และในเกมส์นี้ ลิเวอร์พูล มีข่าวดีที่จะได้ นาบี เกอิต้า กลับมาในเกมส์นี้ซึ่งจะทำให้ ลิเวอร์พูล มีตัวเลือกในแดนกลางมากขึ้นอีก และ สำหรับแผงแบ็กโฟร์ในเกมส์นี้ ก็ยังคงใช้ตัวหลักๆ อย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ จับคู่กับ โจเอล มาติป และ แบ็กขวายังคงเป็น ดาวรุ่งอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และฝั่งซ้ายก็จะเป็น แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่จองตำแหน่งนี้ยาวตลอดทั้งฤดูกาลอย่างแน่นอน ส่วนในแดนกลาง มีความเป็นไปได้ที่จะส่ง จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ลงตัวจริงหลังจากที่นักเตะโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมให้กับทีมชาติฮอลแลนด์ ที่ยิงไป 2 ประตูในนัดที่เจอกับ เยอรมณี และส่วนอีกคนก็น่าจะเป็นหน้าที่ของ เจมส์ มิลเนอร์ ที่ไม่ได้ไปรับใช้ทีมชาติในช่วงพักเบรกทีมชาติทำให้ความฟิตของนักเตะเต็มร้อย และ อีกสองคนที่จะลงก็จะเป็น ฟาบินโญ่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คอยคุมเกมส์รับในแดนกลางให้ ลิเวอร์พูล ส่วนแนวรุกก็แน่นอนจะเป็น 3 ประสาน ซาลาห์, มาเน่ และ ฟีร์มีโน่ ถึงแม้ว่า ในรายของ ซาลาห์ และ มาเน่ จะเกิดดราม่าที่ไม่พอใจกันในสัปดาห์ก่อน คล็อปป์ ก็น่าจะยังเชื่อใจในความสัมพันธ์ของทั้งคู่และยังให้ลงเล่นด้วยกันอยู่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่ mosantimetre.com

แมนยูฯ เอาจริงหวังซิล ซานโช่ ตลาดซื้อขาย มกราคม


มิชาเอล ซอร์ค ผู้บริหารของ ดอร์ทมุนด์ เผย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ติดต่อขอซื้อ จาดอน ซานโช่

มิชาเอล ซอร์ค ผู้บริหารระดับสูงของ เสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยอดทีมจากเวที บุนเดสลีกา เยอรมันได้ออกมาเปิดเผยอย่างเป็นทางการแล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ติดต่อเพื่อขอซื้อตัว จาดอน ซานโช่ นั้นเป็นเรื่องจริง แต่ก็ต้องล้มเหลว เพราะเสือเหลือง ไม่ยอมที่จะปล่อยตัวปีกดาวรุ่งออกจากทีมอย่างเด็ดขาด

:ซานโช่ ทำผลงานได้อย่างโดนเด่นกับ ดอร์ทมุนด์ ในซีซั่น 2018-2019 ที่ผ่านมา ทำให้มีข่าวลือมากมายว่า หลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปให้ความสนใจในตัวของ ซานโช่ รวมถึง แมนยูเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ต้องการตัว ซานโช่มากที่สุดเพื่อมาเติมเกมส์รุกในแดนกลางให้ดูมีสีสันมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววอะไรของดีลนี้คืบหน้าจนตลาดซื้อขายปิดตัวลง ซานโช่ ก็ยังไม่ได้ย้ายออกไปไหนและยังอยู่กับ เสือเหลืออยู่

โดย มิชาเอล ซอร์ค ได้ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “ผมบอกเลยว่ามันได้มีการนัดหารือและติดต่อขอซื้อตัวของซานโช่จริง แต่ผมก็ได้บอกกับทางผู้บริหารของ แมนยูฯ ว่าเราไม่มีทางที่จะปล่อยตัวดาวรุ่งอายุ 19 ปี คนนี้ออกจากทีมอย่างแน่นอน เพราะนักเตะคนนี้จะกลายเป็นอนาคตในระยะยาวสำหรับทีมของเรา”

แต่ในทางกลับกัน ซานโช่ ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่าตัวเค้าเองไม่ปิดโอกาสที่ย้ายทีมในเดือน มกราคม นี้ ถ้าหากมีทีมที่จะพาผมไปพบกับความสำเร็จได้ แต่ถ้าคิดอีกทีผมอาจจะไม่ย้ายทีมเพราะผมมีความสุขทีนี้ทั้งแฟนบอลและเพื่อนร่วมทีม โดย ฤดูกาลที่ผ่านผม ซานโช่ ทำประตูใหเสือเหลือไปได้ทั้งหมด 12 ประตู

ส่วนในฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ต้องพบเจอกับปัญหาเกมส์รุกย่ำแย่ต้องแต่เปิดฤดูกาล 2019-2020 มานั้น ถ้าหากไม่ได้ตัวของ ซานโช่ ก็ต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปหาคนอื่นที่จะสามารถช่วยยกระดับเกมส์รุกในแดนกลางให้ได้เพราะปัจจุบันกองกลางที่มียังไม่มีตัวที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงเกมส์ได้ และยิ่งในตลาดซื้อขายในเดือน มกราคม พวกเค้ายังจะมีโอกาสที่จะต้องเสียตัว ปอล ป็อกบา กองกลางซูเปอร์สตาร์ อีก เพราะ ป็อกบา ก็มีท่าทีที่จะไม่อยู่กับทีมต่อทำให้ แมนยูฯ ยิ่งต้องหาคนมาเสริมทัพให้ได้โดยเร็วในเดือน มกราคมนี้

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  mobemarketplace.com

จ่ายไหวก็เอาไป แมนฯ ไนเต็ดตั้งค่าหัว ปอล ป็อกบา แล้ว


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งค่าตัวของ ปอล ป็อกบา ไว้แล้วสำหรับทีมที่สนใจจะดึงตัวนักเตะไปร่วมทีมในตลาดหน้าหนาว

สื่อในประเทศ สเปน ได้ระบุว่า เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่ ในเวที ลา ลีกา สเปน พร้อมที่จะหวนกลับมาล่าตัว ปอล ป็อกบา กองกลางซูเปอร์สตาร์ ของ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกครั้งในตลาดซื้อขายนักเตะรอบ 2 เดือนมกราคมนี้ อย่างไรก็ตาม นายใหญ่ ปีศาจแดง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ก็ยังออกมาเปิดเผยอีกว่าเค้าจะไม่มีทางปล่อยตัวมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศษ แน่นอนถ้าหากไม่ได้ค่าตัวของนักเตะที่ 179 ล้านปอนด์ (ประมาณ 6,623 ล้านบาท) หลังจากที่ดึงกลับมาจาก ยูเวนตุส เมื่อปี 2016 ด้วยค่าตัวที่สูงถึง 89 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,293 ล้านบาท) และเป็นสถิติโลกในเวลานั้นซึ่งบ่อนพนันถูกกฏหมายและเว็บแทงบอลน่าเชื่อถือของต่างประเทศก็ได้ยกให้ ป็อกบา น่าจะย้ายทีมเป็นเบอร์หนึ่งแน่ๆ ในช่วงตลาดเดือน มกราคม

ซีเนดีน ซีดาน กุนซือ ราชันชุดขาว ยังคงล็อคเป้าหมาย ป็อกบา เป็นหมายเลข 1 ของตลาดซื้อขายรอบ 2 ในเดือนมกราคม เพื่อมาเสริมทัพในแดนกลางที่ปัจจุบัน ลูก้า โมดริช แลดูจะหมดสภาพไปตามอายุ เรอัล มาดริด น่าจะได้ตัว ป็อกบา ตั้งแต่ตลาดนักเตะรอบนี้แล้ว แต่ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด ไม่ต้องการที่จะทุ่มเงินมหาศาลเพื่อจะคว้าตัวนักเตะเข้ามาสู่ถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว และในช่วงตลาดหน้าหนาวเดือนมกราคม ค่าตัวของ ป็อกบา ที่ แมนยูฯ ตั้งไว้แลดูจะสูงขึ้นมากกว่าตลาดครั้งก่อน ยิ่งต้องดู ฟลอเรนติโน่ เปเรซ จะจ่ายค่าตัวของนักเตะรายนี้ได้หรือไม่

โดยก่อนหน้านี้ ป็อกบา เกือบจะได้ย้ายไปเล่นให้กับ สโมสร ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในบ้านเกิดแล้ว หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกลงค่าตัว กับ ปารีส ได้แล้ว ปารีส ยังให้ค่าเหนื่อยของ ป็อกบาสูงมากถึง 429,000 ต่อสัปดาห์ แต่ดีลก็ล่มไปเพราะเหตุผลว่า ปารีส ต้องการที่จะปล่อยตัวของ เนย์มาร์ กองหน้าทีมชาติ บราซิล ออกจากทีมไปให้ได้ก่อนเพื่อที่จะนำเงิน จากการขาย เนย์มาร์ มาซื้อ ตัวของ ป็อกบา แต่สุดท้ายแล้ว ดีล ของเนย์มาร์ กับ บาร์เซโลน่า ก็ไม่ได้เกิดขึ้น หลัง บาร์เซโลน่า สู้ค่าตัวของ เนย์มาร์ ที่ปารีส ตั้งไว้ไม่ไหว ถึงแม้ บาร์เซโลน่า จะเสนอ เป็นเงิดสดบวกกับนักเตะ แต่ปารีสก็ปฏิเสธไปเพราะพวกเค้าก็ต้องการเงินสดเพื่อที่จะได้ไปซื้อตัวนักเตะคนอื่นๆ มาเสริมทัพ เช่นกัน และพอ เนย์มาร์ ไม่ได้ย้าย ก็เลยทำให้ ดีลของ ป็อกบา กับ ปารีส ล่มลงเช่นกัน

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  minijs.com

ประวัติ กองกลางสุดหล่อ เดวิด เบ็ดแฮม นักเตะเท้าชั่งทอง


ประวัติ เดวิด เบ็ดแฮม นักเตะที่แฟนๆ ปีศาจแดงรักมากที่สุด ในถิ่นโรงละครแห่งความฝัน

เดวิดโรเบิร์ตโจเซฟเบ็คแฮม เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ.1975 เกิดในเมืองลีย์ตันสโตนในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษโดยพ่อของเท็ดเบ็คแฮมเป็นแฟนบอลของสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และได้เดินทางเพื่อไปดูการแข่งขันของทีมรักที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดอยู่เป็นประจำ และด้วยเหตุผลนั้นทำให้ เดวิด เบ็คแฮม ลูกชายได้เข้ามาอยู่ในค่ายฝึกนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และเมื่อในฤดูกาล 1994-1995 ผู้เล่นชุดใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในตอนนั้นก็ได้ออกจากทีมกันไปเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล ทำให้ผู้จัดการทีมในตอนนั้นอย่าง อเล็กซ์เฟอร์กูสัน จึงได้นำนักเตะจากทีมเยาวชนขึ้นมาเล่นเป็นตัวจริง ซึ่ง เดวิด เบ็คแฮม ก็เป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่ได้ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ในตอนนั้น และพอขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ เบ็คแฮม ก็ได้ยิงประตูแรกของตัวเองได้ในนัดที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไป 3-1 และจากแววนักเตะพรสวรรค์สูงทำให้ เบ็คแฮม ได้ลงเป็นตัวจริงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยในฤดูกาลแรกเบ็คแฮมสามารถพาทีมคว้าทั้งแชมป์ พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอคัพ มาครองได้ และในฤดูกาล 1996 ชื่อเสียงของ เบ็คแฮม ก็โด่งดังขึ้นจากเกมส์ที่เขายิงลูกสุดสวยจากครึ่งสนามในนัดที่พบกับ วิมเบิลดัน และทำให้ โค้ชทีมชาติอังกฤษเรียกตัวเบ็คแฮมติดทีมชาติอังกฤษทันที และได้ลงเล่นในทีมชาติครั้งแรกในปี 1996 เลย ในนัดที่อังกฤษเจอกับ มอลโดวาและหลังจากจบฤดูกาลนั้น เบ็คแฮมก็ได้คว้ารางวัลแรกของเค้าคือดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ซึ่งมาจากการโหวตของนักเตะในพรีเมียร์ลีกด้วยกัน

ต่อมาในฤดูกาล 1998-1999 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้สร้างความยิ่งใหญ่ด้วยการ คว้าทริปเปิลแชมป์ได้ และเป็นรายการสำคัญ 3 รายการคือ พรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกโดยเบ็คแฮมมีส่วนร่วมอย่างมากในการทำประตูการแข่งขันนัดสำคัญผลจากการเล่นที่มีประสิทธิภาพในฤดูกาลนี้และโชว์ฟอร์มในตำแหน่งกองกลางได้แบบสุดยอด หลังกลับจากฟุตบอลโลกในปี 2002 เบ็คแฮม ก็ได้รับบาดเจ็บกลับมาจากทีมชาติ และก็ค่อยๆ เสียตำแหน่งตัวจริงในทัพ ปีศาจแดง และนั้นทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับเฟอร์กูสันถึงจุดแตกหักเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ค.ศ.2003 หลังการแข่งขันที่แพ้ให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลในห้องแต่งตัวเฟอร์กูสันได้เตะรองเท้าสตั๊ดไปโดนบริเวณเหนือคิ้วของเบ็คแฮมจนได้รับบาดเจ็บเหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นในการย้ายทีมของเบ็คแฮมเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลโดยย้ายไปเล่นให้กับ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโร โดยเบ็คแฮม ลงเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปทั้งหมด 394 นัดทุกรายการทำได้ทั้งหมด 85 ประตู

เมื่อ เบ็คแฮม ย้ายมาเล่นให้ ราชันชุดขาว ก็ได้สวมเสื้อหมายเลข 23 เพราะเบอร์ 7 ในตอนนั้นของราชันชุดขาวตอนนั้นเป็น ราอูล กอนซาเลซ จึงทำให้ต้องให้เกียรติ และเปลี่ยนเบอร์ไปเป็น 23 ด้วยเหตุผลว่าตัวเค้าชอบ ไมเคิล จอร์แดนนักบาสเก็ตบอลชื่อดัง โดยในฤดูกาลแรก กับ มาดริด เบ็คแฮม โชว์ฟอร์มได้อย่างดีเยี่ยม แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้ต้นสังกัดคว้าแชมป์ ใดๆ มาครองได้ ต่อมาให้ฤดูกาล 2007-2008 ก็ได้ถึงจุดเปลี่ยนแปลงในทัพมาดริด หลังการเข้ามาคุมทีมของฟาบิโอคาเปลโล่ ซึ่งไม่ได้เห็นค่าในตัวของเค้าเท่าไหร่และให้ เบ็คแฮม นั่งเล่นเป็นสำรองหลายต่อหลายนัด ในวันที่ 11 มดราคม 2007 ก็มีข่าวใหญ่ที่ช็อคโลกฟุตบอลหลัง เบ็คแฮม ประกาศว่าจะไม่ต่อสัญญากับ เรอัล มาดริด และจะย้ายไปเล่นให้กับ แอลเอแกแล็คซี่ ในอเมริกา หลังจบฤดูกาล 2007 ทำให้แฟนบอล มาดริด ได้ด่า ฟาบิโอคาเปลโล่ อย่างหนัก และพอโดนด่าหนัก ฟาบิโอคาเปลโล่ ก็ไม่ให้เบ็คแฮมลงเล่นอีกต่อไปในทัพ ราชันชุดขาว

หลังจากย้ายไปเล่นที่ อเมริกา ก็ทำให้ ฟุตบอลของ อเมริกา เป็นที่สนใจขึ้นมาในทันที เพราะการย้ายเข้ามา เบ็คแฮม และพอมาเล่นใน อเมริกา ก็ไม่ได้ดีซักเท่าไหร่หลังต้องบาทเจ็บ และพักยาวถึง 6 สัปดาห์ ทำให้แฟนบอลของ แอลเอ ไม่ค่อยพอใจและออกมาต่อว่า เบ็คแฮม และหลังจากลงเล่นใน อเมริกา ได้ซักพัก หลังจากที่ไม่สามารถช่วยให้ทีม คว้าแชมป์ อะไรได้ ก็ทำให้ เบ็คแฮม ตัดสินใจย้ายมาเล่น ให้ เอซี มิลาน ยอดทีมจาก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี แบบยืมตัว

เบ็คแฮมลงเล่นอย่างเป็นทางการให้กับเอซีมิลานในแมทช์ที่เสมอกับโรม่า 2-2 เบ็คยิงได้ลูกแรกในเซเรียอาร์ในนัดถล่มโบโลญญ่า 4-1 ซึ่งเป็นการลงสนามนัดที่สามของเขาซึ่งพอโชว์ฟอร์มได้ดีกับทีมปีศาจเบ็คแฮมก็แสดงอาการไม่อยากกลับไปเล่นในลีกที่ระดับต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเองอย่างเมเจอร์ลีกทันทีเขาแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าอยากอยู่กับมิลานต่อไปซึ่งทีมมิลานก็ได้ยื่นข้อเสนออยู่หลายครั้งซึ่งครั้งสุดท้ายมีมูลค่าสูงสุดที่ 10.5 ล้านปอนด์แต่เงินแค่นี้ทีมเศรษฐีจากอเมริกาไม่ยอมขายอยู่แล้วแต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาเล่นให้กับแอลเอต่อไป ก่อนที่สุดท้ายจะย้ายมาเล่นในฝรั่งเศษกับสโมสร ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง และ ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2013 เดวิด เบ็คแฮม ก็ได้ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอย่างเป็นทางการในนัดสุดท้ายในฤดูกาล 2012-2013 และแฟนบอลของ ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง และ ทั้งสนามต่างก็ลุกปรบมือให้กับ กองกลองสุดหล่อตลอดกาลคนนี้ ก่อนเจ้าตัวจะ ร้องไห้ และเดินออกจากสนามไปด้วย น้ำตาแห่งความสุข

ประวัติส่วนตัวของ เบ็ดแฮม แต่งงานกับ วิคตอเรีย อดัมส์ นักร้องสาวของวงสไปซ์เกิล และมีมีลูกชายทั้งด้วยกัน 3 คน รุคลินโจเซฟเบ็คแฮม (เกิด 1999), โรมีโอเจมส์เบ็คแฮม (เกิด 2002) และครูซเดวิดเบ็คแฮม (เกิด 2005)

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  microsym.com 

เปิดสถิติ โรนัลโด้ กด 4 เม็ด โปรตุเกสถล่มลิทัวเนีย 5-1


เปิด สถิติสุดโหดหลัง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กด 4 เม็ด ถล่ม ลิทัวเนีย 5-1

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยอดกองหน้ากัปตันทีมชาติโปรตุเกส เดิมหน้าเพื่มสถิติให้ตัวเองอย่างไม่หยุดยั้งหลังเกมส์ทีมชาติเมื่อคืนที่ทำคนเดียว 4 ประตูพา โปรตุเกสไล่ถล่มลิทัวเนีย หมดสภาพ 5-1 ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2020 รอบคัดเลือกกลุ่ม บี และนี้คือสถิติล่าสุดของ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์วัย 34 หลังผ่านเกมส์เมื่อคืน

1.การลงเล่นให้ทีมชาติโปรตุเกสนัดที่ 160 ของ โรนัลโด้ ตั้งแต่ลงเล่นให้ทีมชาติโปรตุเกสในนัดแรกตั้งแต่ปี 2003 จนถึงปัจจุบันและปัจจุบัน โรนัลโด้ เพื่งจะอายุ 34 ปี ถ้าดูจากสภาพร่างกายตอนนี้ยังมีเวลาอีกหลายปีในการเดินหน้าทำลายสถิติการลงเล่นของเจ้าตัวเพื่มขึ้นไปอีกคาดว่าน่าจะทะลุ 200 นัด แน่นอน

2.ยิงในเสื้อของทีมชาติไปแล้ว 93 ประตู นับตั้งแต่โรนัลโด้ลงเล่นให้ทีมชาติโปรตุเกสตั้งแต่ สิงหาคม ปี 2003 เป็นเวลา 16 ปี ที่รับใช้ทีมชาติรวมนัดเมื่อคืน โรนัลโด้ ยิงให้ทีมชาติโปรตุเกสไปแล้ว 93 ประตู และเป็นตัวความหวังของชาติมาโดยตลอด และยังเชื่อว่า สถิตินี้ โรนัลโด้ จะเดินหน้าทำสถิติของตัวเองต่อไปอีกหลายปี จากสภาพร่างกายที่ยังฟิตเหมือนอายุ 20 ต้นๆ อยู่

3.แฮตทริกไปแล้ว 54 ครั้ง ในชีวิต โดยจากเกมส์เมื่อคืนที่ โรนัลโด้ ทำแฮตทริกได้ในเกมส์เมื่อทำให้ สถิติ การทำแฮตทริกของเจ้าตัวเพื่มขึ้นไปเป็น 54 ครั้ง ตลอด 16 ปีที่รับใช้ทีมชาติถือว่าเป็นสถิติที่สูงมากโดยแบ่งเป็น โปรตุเกส 8 ครั้ง และ ระดับสโมสร 46 ครั้ง ในระดับสโมสรรวมทั้ง สปอร์ติ้ง ลิสบอน, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด และปัจจุบันที่ ยูเวนตุส

4.โรนัลโด้ กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุดที่ 24 ลูก ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบคัดเลือก โดยเป็นการแซงหน้าเจ้าของสถิติเดิมอย่าง ร็อบบี้ คีน (ตำนานหัวหอกสาธารณรัฐไอร์แลนด์) ที่ยิงไป 23 ประตูในฟุตบอลรายการนี้

5.โรนัลโด้ อาจจะกลายเป็นนักเตะที่ได้รับทรัพย์ จาก สปอร์เซอร์มากที่สุดในโลก สำหรับปัจจุบันโรนัลโด้ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับ ไนกี้ มาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว และปัจจุบันเป็นนักเตะที่ได้รับรายได้ในส่วนนี้เป็นอันดัลที่ 2 ประตูปี 2019 ด้วยหลังจากได้เงินไปมากถึง 109 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,379 ล้านบาท) นับแค่ในช่วงเวลาแค่ 1 ปี คือนับตั้งแต่ปี 2018 จนถึงเดือนมิถุนายนปี 2019 เป็นรองแค่คู่ปรับอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ที่ทำได้มากถึง 127 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,937 ล้านบาท) เท่านั้น

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  messengerapkapp.com

ตัดเกรดคะแนนทัพ สิงโตคำราม ถล่ม บัลแกเรีย


บอลยูโรรอบแรกของกลุ่ม เอ อังกฤษ โชว์ฟอร์มโหด ถล่ม บัลแกเรีย 4-0 แฮร์รี่ เคน แฮตทริก สเตอร์ลิง ยิง 1

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2020 คอบคัดเลือกกลุ่มเอเมื่อคืน อังกฤษ เปิดสนาม เวมบลีย์ สเตเดี้ยม อัดบัลแกเรีย ไปแบบหมดสภาพ 4-0 โดยราคาเปิดมาแค่ 2/2.5 ถ้าใครแทงบอลออนไลน์ไปก็กินเต็มสบายๆ พร้อม อังกฤษ ได้ทำสถิติชนะ 100% จากการลงเล่น 3 นัดโดยรวมแล้วไม่ไช่เกมส์ที่ยากลำบากอะไรสำหรับ อังกฤษ ของกุนซือ แกเร็ธ เซาร์เกต โดยเฉพาะเกมส์รุกในนัดนนี้ถือว่าเฉียบขาดมากๆ สำหรับ แฮรรี่ เคน กองหน้าจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และอีกคนที่โดดเด่นสำหรับเกมส์นี้คือ ราฮีม สเตอร์ลิง ปืกจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เล่นได้อย่างโดดเด่นมากๆ และ เกรดของนักเตะอังกฤษในเกมส์เมื่อคืนที่ผ่านมา

โดย 11 ตัวจริงเมื่อคืน
จอร์แดน พิคฟอร์ด: 7 ผู้รักษาประตู โชว์ฟอร์มได้อย่างดีไม่มีข้อผิดพลาดอะไรในเกมส์นี้ และยังโชว์ซูเปอร์เซฟในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่สำหรับเกมส์นี้ ถือว่าคู่แข่งยังไม่ทำให้เหนื่อยเท่าไหร่ ต้องรอดูในรอบที่เจอทีมใหญ่ว่า ผู้รักษาประตูจาก เอฟเวอร์ตัน จะโชว์ฟอร์มได้ดีแบบในนัดนี้ได้หรือป่าว
ส่วนในตำแหน่งกองหลัง 4 คนได้แก่
คีแรน ทริปเปียร์ : 7 ได้รับโอกาสสตาร์ตเป็นตัวจริง ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง โดยเล่นเกมรับได้แข็งแกร่ง แถมมีการครอสบอลสวยๆ หลายครั้ง โดยแบ็คจาก แอตเลติโก มาดริด ถือว่าโชว์ฟอร์มได้ดี สำหรับการเจอกับทีมอย่าง บัลแกเรีย
ไมเคิ่ล คีน : 6.5 เซ็นเตอร์จากเอฟเวอร์ รับมือกับกองหลังของ บัลแกเรีย ได้อย่างยอดเยี่ยม และมีส่วนผิดพลาดเล็กน้อยที่เค้ามีใบเหลืองติดตัว จากการเข้าสกัดช้าใส่ มา์เซลินโญ่ ในนาทีที่ 30 ของครึ่งแรก
แฮร์รี่ แม็กไกวร์ : 7 เซ็นเตอร์จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือว่าทำผมงานได้ดี ทั้งการสั่งการในแนวรับ จากฟอร์มเจ้าตัวสามารถยืมในตำแหน่งนี้ในทัพ อังกฤษ ได้อีกนานแน่นอน
แดนนี่ โรส : 7.5 ปีกจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คุมเกมส์รับได้ดีและยังเติมเกมส์ลุก ขึ้นไปลุ้นประตูได้ด้วย
และกองกลาง 3 คนที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง
เดแคลน ไรซ์ : 7 ถือว่าน่าตกใจมากที่กองกลางจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในนัดนี้ แทนที่ของ แฮรี่ วิงส์ แม้จะไม่ได้มีจุดเด่นทั้งการจ่ายบอลหรือการส่งบอลมากมาย แต่สำหรับเกมส์เมื่อคืนเจ้าตัวก็ไม่มีข้อผิดพลาดอะไร
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน : 7 ถือว่าเป็นกองกลางคนสำหรับในทัพสิงโตคำรามชุดนี้ โดยกองกลอง จาก ลิเวอร์พูลทำผลงานในการคุมแดนกลางได้ดี ไม่มีข้อผิดพลาด และยังสามารจ่ายบอลสวยๆ ได้ ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงครึ่งหลัง
รอสส์ บาร์คลี่ย์ : 7 กองกลางแนวรุก จาก เชลซี ไม่ได้โชว์อะไรที่โดดเด่นมากในเกมส์นี้แต่การจ่ายบอลและผ่านบอลหลายๆ จังหวะทำได้ดี สร้างสรรค์เกมส์รุกและทำให้เพื่อนร่วมทีมมีโอกาสในการทำประตูได้อีกด้วย
ส่วนในตำแหน่งกองหน้า 3 คนที่ เซาร์เกต เลือกเป็นตัวจริงในเกมส์เมื่อคืน
ราฮีม สเตอร์ลิง : 8 ปีกจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมส์นี้ ทั้งการเลี้ยงบอลการส่ง และยังสามารถทำประตู ได้อีกด้วย ถือว่าทำผลงานได้อย่างยอมเยี่ยมเลย
มาร์คัส แรชฟอร์ด : 7 ปีกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชวร์ฟอร์มได้ดีเช่นกัน และเกือบจะทำประตูได้ในช่วงท้ายเกมส์ และยังเรียกจุดโทษ ทำให้ทีมได้ประตู 2-0 ได้อีกด้วย
แฮร์รี่ เคน : 9 ฟอร์มสุดยอดมากสำหรับเกมส์ นี้ ทำแฮตทริกได้ถึงแม้ว่าจะมาจากจุดโทษทั้ง 2 ลูกแต่จากผลงาน ยิง 3 จ่าย 1 ก็ถือว่าสุดยอดมากๆ สำหรับ เคน ในนัดนี้

จากเกรดผลคะแนนนักเตะทั้ง 11 ตัวจริงของทัพ อังกฤษในเกมส์เมื่อคืนนี้ถือว่ายอดเยี่ยม ต้องรอดูผลงานของ อังกฤษในนัดต่อไป ว่าจะรักษาคุณภาพเหมือนในนัดนี้ได้หรือไม่

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  martysmotors.com

ปีศาจ แดงเตรียม ดึง เอริคเซ่น เข้ารัง ม.ค. นี้


ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมดึงตัว คริสเเตียน เอริคเซ่น เข้าถิ่น โอลแทรฟฟอร์ด ในเดือน มกราคา นี้

เดลี่ เมล สื่อชื่อดังของประเทศอังกฤษ ได้ตีข่าวว่า ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมที่จะเดินหน้าเต็มที่กับการล่าตัว คริสเตียน เอริคเซ่น มิดฟิลด์ของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เข้ามาเสริมทีมในช่วงตลาดซื้อขายเดือน มกราคม โดยในฝั่งนักเตะเองก็มีท่าทีมราอยากจะย้ายทีมช่วงตลาดหน้าหนาวอยู่แล้วเหมือนกัน

เอริคเซ่น ตกเป็นข่าวเกี่ยวกับการย้ายทีมมาโดยตลอดนับตั้งแต่ที่เขาประกาศว่าพร้อมที่จะบอกลา สเปอร์ส เพื่อหาความท้าทายใหม่ๆ และความสำเร็จให้กับตัวเองมากขึ้น โดยที่ผ่านมาตัวเค้าเองมีข่าวอย่างหนาหูว่ามีหลายสโมสรชั้นนำของยุโรปที่อยากได้ตัวเค้าไป เช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส แต่จนตลาดซื้อขายของ อังกฤษปิดลงเจ้าตัวก็ยังไม่ได้ย้ายไปไหน โดยมีหลายทีมคาดการณ์ว่า เอริคเซ่น หน้าจะได้ย้ายในช่วงหน้าหนาวเดือน มกราคม นี้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ เอริคเซ่น จะหมดสัญญากับ สเปอร์ส ในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า นั้นก็หมายความว่าไก่เดือยทองไม่สามารถจะต่อสัญญากับเจ้าตัวได้ มันสเปอร์สก็จะเสียเอริคเซ่นไปแบบไร้ค่าตัวหลังจากจบฤดูกาล 2019-2020 โดยแต่ละทีมจะคุยถึงเรื่องการย้ายตัวแบบไร้ค่าตัวได้ตั้งแต่เดือนมกราคมนี้ได้ด้วย เพราะกฎบอสแมนระบุว่านักเตะที่เหลือสัญญา 6 เดือนสามารถเจรจาย้ายทีมแบบไร้ค่าตัวล่วงหน้าได้ จะทำให้ สเปอร์มีแต่เสียกับเสียอย่างแน่นอน

แต่ก็ยังมีการเปิดเผยว่า เอริคเซ่น พร้อมที่จะย้ายตัวในเดือนมกราคมนี้เลย เพราะจะให้ สเปอร์สได้ค่าตัวของนักเตะอยู่บ้างและจะได้เป็นการตอบแทนสโมสรที่เขาได้ลงเล่นให้มาตั้งแต่ ฤดูกาล 2013 ไปในตัวด้วย ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ต้องการตัวของ เอริคเซ่อน เพื่อเข้ามาเป็นฟิลด์ตัวทำเกมส์รุกเพื่อเข้ามาสร้างสรรค์โอกาสให้กับทีมให้มากขึ้น

ถึงกระนั้น ก็ยังติดปัญหาใหญ่ๆ อยู่อีกอย่างคือทีมอย่าง เรอัล มาดริด สโมสรดังของ ลา ลีกา สเปน ก็ให้ความสนใจในตัวนักเตะเหมือนกัน ถ้าพวกเค้านั้นไม่ได้ ปอล ป็อกบา และ เอริคเซ่นยังเปิดเผยว่าตัวเค้าเองก็อยากจะย้ายออกจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพื่อความท้าทายใหม่ๆ ของตัวเอง โดยคาดการณ์ว่าถ้าไม่ได้ตัวแบบฟรีๆ ค่าตัวของนักเตะวัย 27 ปีจะสูงถึง 70 ล้านปอนด์ อย่างแน่นอน

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  luminokaya.com

สุดยอดเกมส์สุดมัน อาเซน่อล เสมอ สเปอร์ส 2-2


ลอนดอน ดาบี้ สุดมันระดับ 5 ดาว อาเซน่อล เปิดบ้านเสมอไล่ตีเสมอ สปอร์ 2-2 เมื่อคืน

สุดยอดเกมส์ ลอนดอน ดาบี้ แมตช์ ปืนใหญ่ อาเซน่อล ไม่ยอมพังไล่ตามเจ้า สเปอร์ 2-2 โดยเกมส์นี้เจ้าบ้านเป็นผ่ายไล่ตาม สเปอร์ส ถึง 2 ประตู ทำให้จบเกมส์แบ่งแต้มกันไปทีมละ 1 แต้ม เกมส์นี้มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่าง

1.เกมส์คุณภาพ นึกถึงเกมส์ ดาบี้ แมตซ์ ต้องนึกถึงเกมส์สุดมันที่ยิงกันแบบไม่ยั้งและไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน แค่ลองนับประตูตั้งแต่ปีที่แล้วทั้งสองทีมเจอกันมาแล้ว 5 ครั้ง และทั้งสองทีมยิงกันได้ฝั่งละ 8 ลูกเลยเลยทีเดียว โดยสำหรับเกมส์เมื่อคืน เมื่อดูสถิติที่เกิดขึ้นหลังเกมส์แล้วบ่งบอกถึงเกมส์รุกที่แลกกันแบบสุดมันส์จริงๆ โดยฝั่งเจ้าบ้าน อาเซน่อล มีโอกาสยิงไปทั้งหมด 26 ครั้งแต่ยิงตรงกรอบได้แค่ 8 ครั้งเท่านั้นและเปลี่ยนเป็นประตูได้ แค่ 2 ประตู ส่วนในฝั่งของทีมเยือน สเปอร์ มีโอกาสยิงประตูทั้งหมดแค่เพียง 13 ครั้งซึ่งถือว่าน้อยกว่าฝั่งเจ้าบ้านครึ่งนึงเลยแต่เปลี่ยนเป็นประตูได้ถึง 2 ลูกซึ่งเห็นได้ว่า ทีมเยือนใช้โอกาสในเกมส์นี้ไม่เปลืองและมีประสิทธิภาพจริงๆ จบเกมส์ทั้งสองทีมมีโอกาสยิงรวมกันไปถึง 39 ครั้ง แค่นี้ก็ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่า ดาบี้ แมตช์ ลอนดอนเหนือจริงๆ

2.เปเป้เล่นได้ดีแค่ไหน นิโกล่าส์ เปเป้ ปีกตัวใหม่ของ อาเซน่อล ต้องแบกความกดดันอย่างมากเนื่องจากค่าตัวของเค้าเป็นค่าตัวสถิติของสโมสรที่ 72 ล้านปอนด์ ซึ่งนั้นทำให้เกิดความคาดหวังจากแฟนๆ ว่าจะได้เห็นเกมส์รุกที่มีคุณภาพ เมื่อ เปเป้ ลงเล่นกับ อเลซ็องด์ ลากาแซตต์ และปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง แต่ในสามเกมส์ที่ผ่านมาของ พรีเมียร์ลีก ก็ทำให้เห็นแล้วว่า เปเป้ ยังต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับการเล่นของอังกฤษอยู่อีกซักพัก ทั้งเรื่องเทคนิคและทักษะการเอาตัวรอดเพราะในบางครั้งจะเห็นว่าเค้าจะฝืนตัวเองมากจนเกินไป แต่โดยร่วมผลงานของ เปเป้ กับสามนัดกับ อาเซน่อล ก็ถือว่ายอมเยี่ยมมาก แต่สิ่งที่ต้องปรับจูนจริงๆ คือทำยังไงให้เล่นร่วมกับ ลากาแซตต์ และ โอบาเมย็อง ให้เข้าใจกันมากขึ้นซึ่ง

3.แฮร์รี่ เคน ชอบยิงปืนใหญ่ หลังจากที่ เคน ยิงจุดโทษในเกมส์ลอนดอนเมื่อคืน ก็ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในสามนักเตะที่สามารถสอยตาข่ายทีมปืนใหญ่ได้เกิน 10 ประตูในพรีเมียร์ลีก โดย 2 อันดับก่อนนี้เป็นของ เวย์น รูนีย์ -12 ประตู, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ – 10 ประตู, แฮร์รี่ เคน – 10 ประตู นอกจากนี้เคนยังเป็นผู้เล่นที่ยิงในดาร์บี้ แมตช์ ลอนดอนเหนือ รวมทุกรายการมากที่สุด (10 ประตู) ร่วมกับ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ และบ็อบบี้ สมิธ

4.เกมส์รับของ อาเซน่อล โดยฤดูกาลนี้ ปืนใหญ่ มีเกมส์รุกที่น่ากลัวและดุดันแต่เรื่องเกมส์รับบอกได้เลยว่ายังเป็นปัญหาใหญ่ของทีมอยู่ซึ่งปัญหาเกมส์รับของ อาเซน่อล มีมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วและพยายามหาทางแก้ไขด้วยการเสริมกองหลังอย่าง ดาวิด หลุยส์ มาจาก เชลซี แต่ก็ดูเหมือนว่าปัญหาแนบรับก็ยังไม่ดีขึ้นเลย ซึ่งพูดได้เลยว่ายังไม่มีกองหลังที่สามารถฝากความหวังได้ซักคน โดยในฤดูกาลที่แล้ว ปืนใหญ่ เสียประตูใน พรีเมียร์ลีก มากถึง 51 ประตูและเป็นรองบ็วยของกลุ่มท็อปซิกซ์ โดยทีมที่เสียประตูมากที่สุดคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ 54 ประตู ซึ่งฤดูกาลนี้ยังเสียประตูมากเหมือนเดิม อาเซน่อล ก็จะกลับมาเจอปัญหาเดิมในการเสริมทัพฤดูกาลหน้าว่าจะแก้ไขปัญหากองหลังยังไง

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  louisvilleghostwalks.com

คล็อปป์ ออกมาตอบแล้วถึง อนาคตของ ชากิรี่ กับ หงส์แดง


 เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้ออกมาแสดงถึงความชัดเจนถึงอนาคตของ เซอร์ดาน ชากิรี่ กับทัพหงส์แดงแล้ว

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ระบุ เซอร์ดาน ชากิรี่ จะยังอยู่ในแผนการทำทีมและยังมีอนาคตกับทีมอย่างแน่นอน พร้อมเปิดเผยว่า นักเตะชาวสวิตเซอร์แลนด์ซ้อมอยู่กับต้นสังกัดอย่างหนักอยู่เสมอเพื่อจะแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงกับเพื่อนๆ ในทีมให้ได้ในฤดูกาล 2019-2020 โดยในฤดูกาลที่ผ่านมา ชากิรี่ ได้มีโอกาสลงเล่นกับต้นสังกัดอยู่บ่อยๆ แต่นับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2019 เป็นต้นมา ชากิรี่ ก็ยังไม่ได้ลงเล่นให้กับ หงส์แดง เหมือนเดิม ซึ่งในฤดูกาลนี้ ชากิรี่ ได้ลงเล่นไปแค่เพียงเกมส์เดียวจากทั้งหมด 5 นัด นั้นคือการลงเป็นสำรองในเกมส์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่ต้นสังกัดแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงดวลจุดโทษ

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ ชากิรี่ ได้ออกมายอมรับว่าไม่พอใจกับสถานการณ์ของตัวเอง กับทัพ หงส์แดง มากเท่าไหร่ และต้องการหาทางออกให้กับตัวเองให้ได้ จนถึงขั้นเกิดกระแสว่าอาจจะย้ายออกจากทีมเพื่อหาโอกาสลงเล่นมากขึ้นให้กับตัวเอง อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ ได้ออกมาเปิดเผยแล้วว่านักเตะชาวสวิตยังมีความสำคัญกับต้นสังกัดอยู่

ลิเวอร์พูล จ่ายค่าฉีกสัญญาสัญญาไปเพียง 13.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 553.5 ล้านบาท) ในการดึงตัว ชากิรี่ มาจาก สโต๊ค ซิตี้ เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปีก่อน ซึ่งตอนแรกๆ เขายังได้รับโอกาสลงเล่นบ่อย และยังเคยทำประ 2 ประตูในเกมส์แดงเดือด ที่พาต้นสังกัดชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 ในธันวาคมปีก่อน แข้งวัย 27 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า “รู้สึกผิดหวังมากๆ ที่ตอนนี้ผมไม่ได้เล่นให้ต้นสังกัดต้องแต่เปิดฤดูกาลมา ไม่มีใครหรอกที่ชอบการนั่งเป็นตัวสำรองมันแน่นอนว่าผมอยากได้รับโอกาสลงเล่นมากกว่านี้ ผมคงต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และผมต้องหาทางออกให้กับตัวเองให้ได้”

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  someonewith.com

ปีทองของผม ฟานไคด์ คว้าแข้งยอดเยี่ยมของยูฟ่า


เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กองหลัง ลิเวอร์พูล ซิวแข้งยอดเยี่ยมของยูฝ่า

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กองหลังคนเก่งของ หงส์แดง ลิเวอร์พูล แห่งเวทีพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ผงาดคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือยูฟ่าประจำปี 2019 ที่ราชรัฐโมนาโก โดยการเอาชนะ ลิโอเนล เมสซี่ ของ บาร์เซโลน่า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ของ ยูเวนตุส หลังทำผลงานอย่างยอดเยี่ยมด้วยการช่วยพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ ยูฝ่าแชมเปี้ยนส์ลีก เป็นสมัยที่ 6 ได้สำเร็จ

กองหลังอดีต ค่าตัวแพงที่สุดในโลก ถือว่าเป็นกำลังสำคัญในการช่วย หงส์แดง ผงาดคว้าแชมป์ ยูโปร ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ประจำฤดูกาล 2018/2019 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ และล่าสุดก็ช่วยทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2019 มาต้องแต่ก่อนเปิดฤดูกาล หลังจากที่ลิเวอร์พูลสามารถเอาชนะการดวลจุดโทษกับเชลซีไปได้ 5-4 หลังจาก 120 นาทีเสมอกัน 2-2 เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ส่วนในดันดับที่ 4-10 ที่ประกาศไปก่อนหน้านี้มีรายชื่อดังนี้ อันดับ 4 อลีสซง เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล, บราซิล) 57 คะแนน, อันดับ 5 ซาดิโอ มาเน่ (ลิเวอร์พูล, เซเนกัล) 51 คะแนน, อันดับ 6 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล, อียิปต์) 49 คะแนน, อันดับ 7 เอแด็น อาซาร์ (เชลซี, เบลเยียม) 38 คะแนน, อันดับ 8 มาต์ไตส์ เดอ ลิกท์ (อาแจ็กซ์, ฮอลแลนด์) 27 คะแนน, เฟร็งกี้ เดอ ยอง (อาแจ็กซ์, ฮอลแลนด์) 27คะแนน และอันดับ 10 ราฮีม สเตอร์ลิง (แมนฯ ซิตี้, อังกฤษ) 12 คะแนน สำหรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของยูฟ่า จะพิจารณาผลงานของนักเตะตลอดฤดูกาลที่ผ่านมาในทุกรายการที่ลงเล่น ทั้งบอลลีกบอลถ้วยในประเทศและในระดับทวีปซึ่งก็รวมถึงทีมชาติด้วย โดยคณะกรรมการประกอบด้วยโค้ชลูกหนังของสโมสรที่ได้ลงแข่งในรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก 32 คน และโค้ชจากรอบแบ่งกลุ่มของยูโรปาอีก 48 คน และผู้สื่อข่าวของสมาคมสื่อมวลชนกีฬายุโรป ESM อีก 55 คน และนอกจากการประกาศรางวัลนี้ในงานยังมีการประกาศรางวัลผู้เล่นในตำแหน่งต่างๆ ดังนี้

ผู้เล่นยอดเยี่ยมในแต่ละตำแหน่งของ ยูฟ่า จากการประกาศผล
1.ผู้รักษาประตู : อลิสซง เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล)

2.กองหลัง : เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ (ลิเวอร์พูล

3.กองกลาง : แฟร้งกี้ เดอ ยอง (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ปัจจุบันย้ายไปอยู่ บาร์เซโลน่า)

4.กองหน้า : ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า)

5.นักเตะยอดเยี่ยมประจำปี 2019 : เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ (ซึ่งใน 5 ตำแหน่งหลัง ลิเวอร์สามารถคว้ารางวัลไปได้ 2 ตำแหน่ง ถือว่าเป็นปีที่ดีสำหรับ ลิเวอร์พูล)

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  sirreyeh.org 

ชุดขาว เอาจริง มาดริด เปลี่ยนเป้าล่า แฟร์นันด์ส


 ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด สนใจคว้าตัว แฟร์นันด์ส ถ้าหากพลาดตัวของ ป็อกบา

โกล สื่อในวงการฟุตบอล ได้ระบุตัวแทนของ เรอัล มาดริด พูดถึงความเป็นไปได้ที่ ชุดขาว จะดึงตัวขอ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เข้ามาเล่นในถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว ถ้าหากในกรณีที่พลาดตัวของ ปอล ป็อกบา กองกลางซูเปอร์สตาร์ ของ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยในฤดูกาลนี้ มาดริด ต้องพบเจอกับปัญหานักเตะบาดเจ็บหลายคน จึงต้องการดึงนักเตะที่พร้อมจะใช้งานเข้ามาสู่ทีมเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาขาดแคลนนักเตะ เพื่อที่จะกลับมาลุ้นแชมป์ได้อย่างเต็มที่

เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที ลา ลีกา สเปน ได้บินไปพบกับเอเยนต์ส่วนตัวของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส กองกลางคนเก่งของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน เพื่อพูดคุยถึงความเป็นไปได้เกี่ยวกับการย้ายทีมของนักเตะในช่วงซัมเมอร์นี้ แฟร์นันด์ส ได้รับความสนใจจากหลายทีมในยุโรปที่ต้องการได้ตัวเค้าเข้าไปสู่ทีมหลังโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2018-2019 ให้ต้นสังกัดด้วยการทำไป 32 ประตูกับอีก 18 แอสซิสต์จากการลงเล่นทั้งหมด 53 นัดในทุกรายการโดยตอนแรกเป็นทางด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มีข่าวกับนักเตะรายนี้ตลอดช่วงตลาดซื้อขายแต่หลังจากจบช่วงตลาดซื้อขายของ พรีเมียร์ลีก ปิดลงเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ก็ไม่มีการย้ายทีมของ แฟร์นันด์ส กับ ปีศาจแดง เกิดขึ้น

แฟร์นันด์ส กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งเกี่ยวกับการย้ายทีมแต่การเป็น เรอัล มาดริด ที่ให้ความสนใจและต้องการจะปิดดีลนี้ให้ได้ก่อนที่ตลาดนักซื้อขายของ ลา ลีกา จะปิดลงในวันจันทร์ที่ 2 กันยายนนี้ ซึ่งราสุด ราชันชุดขาวได้หารือกับเอเยนต์ส่วนตัวของ แฟร์นันด์ส โดยระบุว่า สปอร์ติ้ง ลิสบอน ต้องการค่าตัวของ แฟร์นันด์ส ไว้ที่ 80 ล้านยูโร (ประมาณ 2,720 ล้านบาท) ต้นสังกัดถึงจะปล่อยตัวแข้งวัย 24 ปีให้ ราชันชุดชาว

ทั้งนี้เงินจำนวนดังกล่าวถือว่าน้อยกว่าค่าฉีกสัญญาที่ สปอร์ติ้ง ตั้งเอาไว้ในตอนที่เสนอขายให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ 100 ล้านยูโร (ประมาณ 3,400 ล้านบาท) ซึ่งความเป็นไปในที่จะเกิดขึ้นในดีลนี้ ก็คือ ถ้า เรอัล มาดริด พลาดตัวของ ปอล ป็อกบา หรือ เนย์มาร์ เท่านั้น ซึ่งบ่อนพนันถูกกฏหมายของต่างประเทศ ได้เปิดการแทงบอลออนไลน์ ไว้สำหรับความเป็นไปได้ว่าใครจะเป็นเต็งหนึ่งที่จะเข้ามาเสริมทัพ ราชันชุดขาว โดย แฟร์นันด์ส อยู่ในอันดับที่ 3 ของบ่อนพนันถูกกฏหมาย

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  silverhoofs.com 

สรุปแล้ว อินเตอร์ มิลาน ยืมตัว ซานเชซ เรียบร้อย


อินเตอร์ มิลาน ตกลงยืมตัว อเล็กซิส ซานเชซ จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เรียบร้อย

BBC รายงาน งูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน ยอดสโมสรแห่งศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ตกลงเงื่อนไขที่จะยืมตัว อเล็กซิส ซานเชซ กองหน้าชาวชิลี ของ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดย อินเตอร์ พร้อมที่จะยอมจ่ายค่าเหนื่อยของ ซานเชซ ครึ่งนึง และให้ ปีศาจแดง จ่ายอีกครึ่งที่เหลือ

ซานเชซ หมดอนาคตกับ แมนยูฯ แทบจะถาวรทำให้นักเตะต้องการที่จะออกจากทีมเพื่อหาโอกาสลงเล่นกับทีมอื่น โดยมี สโมร อินเตอร์ มิลาน ที่แสดงถึงความชัดเจนที่สนใจในตัวของนักเตะแต่จะเป็นแค่การยืมตัวเพื่อใช้งานก่อน 1 ฤดูกาล โดยนายใหญ่ของ อินเตอร์ มิลาน อันโตนิโอ คอนเต้ หวังจะดึง ซานเชซ มาร่วมงานกับ โรเมลู ลูกากู อีกครั้งหลังจากที่ซื้อตัว ลูกากู มาจาก แมนยูฯ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

โดยสถานการณ์ล่าสุด BBC รายงานว่า คอนเต้ ได้กระตุ้นให้บอร์ดบริหารของงูใหญ่ให้รีบเซ็นสัญญา ซานเชซ เข้ามาในทีมก่อนที่ตลาดซื้อขายจะปิดตัวลงในวัน จันทร์ที่ 2 กันยายน นี้และตอนนี้ก็มีความชัดเจนแล้วว่าทั้งสองสโมสรได้ตกลงเงื่อนไขการยืมตัว ซานเชซ ได้เรียบร้อย แต่กระนั้น อินเตอร์ ไม่ได้ตกลงเงื่อนไขหรือออปชั่นในการซื้อขาดตัวของนักเตะไว้หลังจากหมดสัญญายืมตัว ซึ่งปัจจุบัน ซานเชซ เป็นนักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยมากที่สุดของ แมนยูฯ ที่ประมาณ 400,000 (ประมาณ 15.20 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ซึ่งเป็นตัวเลขค่าเหนื่อยที่สูงมากสำหรับ งูใหญ่ จึงได้ทำข้อตกลงว่า อินเตอร์ จะยอมจ่ายค่าเหนื่อยของ ซานเชซ แค่ครึ่งเดียวคือประมาณ 200,000 ปอนด์ และอีก 200,000 ปอนด์ ให้ แมนยูฯ เป็นคนจ่ายค่าเหนื่อยของนักเตะในส่วนที่เหลือ

ทั้งนี้ อดีตสตาร์ ของ บาร์เซโลน่า และ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ต้องพบกับช่วงเวลาที่แสนเลวร้ายตลอด 19 เดือนที่ย้ายมาเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ด หลังจากที่โบกมือลา ปืนใหญ่ มาเล่นในถิ่น โอลแทรฟฟอร์ด โดยฤดูกาลที่แล้วทำผลงานได้แค่เพียง 5 ประตูจากการลงเล่นทั้งหมด 45 แมตซ์ ซึ่งเป็นผลงานที่ย่ำแย่ ทำให้แฟนบอลของ ปีศาจแดง ออกมาบอกให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ นายใหญ่ของ ปีศาจแดง รีบขายตัวนักเตะออกจากถิ่น โอลแทรฟฟอร์ด ซึ่งทางด้าน สโมสร ก็เห็นเช่นเดียวกับแฟนบอล เพราะค่าเหนื่อยมหาศาลที่จ่ายให้ ซานเชซ แทบจะไม่มีความคุ้มค่ากับสโมสรเลย

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  sharkmaine.com

เปิดใจ เดอ ลิกต์ หลังนั่งสำรอง ยูเวนตุส ในนัดเปิดฤดูกาล


เปิดใจ มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์ กองหลังดาวรุ่งของ ยูเวนตุส หลังนั่งสำรองในนัดเปิดสนามให้ ม้าลาย

มาไตส์ เดอ ลิกต์ กองหลังดาวรุ่งชาวดัตช์ของ ม้าลาย ยูเวนตุส เปิดใจหลังเจ้าตัวได้เป็นแค่นั่งสำรองในเปิดสนามให้ ยูเวนตุส ในเกมส์ที่ต้นสังกัดเอาชนะ ปาร์ม่า 1-0 ในนัดเปิดสนามของ เซเรีย อา อิตาลี ที่บ้านของ ปาร์ม่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ยูเวนตุส สามารถตัดหน้าทั้ง บาร์เซโลน่า, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ บาเยิร์น มิวนิค ในการกระชากตัว เดอ ลิกต์ มาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ด้วยค่าตัวสูงถึง 67.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,565 ล้านบาท) และแบกความคาดหวังว่าเซ็นเตอร์แบ็กดาวรุ่งจะกลายมาเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมในฤดูกาล 2019/2020

ในนัดเปิดสนาม เมาริซิโอ ซาร์รี่ นายใหญ่ของ ม้าลาย ได้เลือกให้ เดอ ลิกต์ นั่งสำรองในซุ้มม้านั่งสำรองในเกมส์เปิดซีซั่น โดย เดอ ลิกต์ ออกมาแสดงความเห็นว่า ผมอยากจะลงเล่นเป็นตัวจริง และไม่มีปัญหาอะไรกับการฝึกซ้อม ดังนั้นผมไม่คาดว่าจะต้องนั่งเป็นตัวสำรอง แต่ผมก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของโค้ช และผมก็ต้องยอมรับความจริง และก็ต้องพัฒนาขึ้นไป ทั้ง การเล่นฟุตบอล และเรื่องภาษาเพื่อจะได้กลับมาเป็นตัวจริงให้กับทีม

กองหลังที่ได้ลงเล่นทั้ง เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ และ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ถูกมองว่าเป็นคู่เซนเตอร์แบ็กที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกมานานแล้ว ผมต้องพยายามคว้าตำแหน่งของผลในทัพของ ม้าลาย มาครองให้ได้ และผมก็ต้องเก่งขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้เป็นตัวจริงได้อย่างถาวร

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  royalstoneind.com 

เก็บตกหลังเกมส์ แมนยูฯ พ่าย พาเลซ คาโอลแทรฟฟอร์ด



 เปิดประเด็นหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้คาโอลแทรฟฟอร์ด ให้ คริสตัล พาเลซ แบบช็อคโลกฟุตบอล

หลังจากเกมส์เมื่อคืนที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนามโอลแทรฟฟอร์ด เจอกับ ปราสาทเรือนแก้ว คริสตัล พาเลซ โดยในเกมส์นี้ แมนยูฯ บุกแทบพับสนามแต่ผลการแข่งขันออกมาทำให้แฟนๆ ช็อคไปตามๆ กัน หลังแพ้คาบ้าน ไป 1-2 ในเกมส์นี้ใครเล่นบอลต่อ 1 ลูกคือตายสนิท โดยเกมส์เมื่อคืน แมนยูฯ มีโอกาสจบสกอร์มากมายแต่เปลี่ยนมาเป็นสกอร์ ได้แค่ลูกเดียวเท่านั้น เราจะมาเก็บตกหลังเกมส์ว่ามีประเด็ดอะไรที่น่าสนใจมั้ง

ลินการ์ด กับตำแหน่ง เบอร์ 10 เกมส์ที่แล้ว เจสซี่ ลินการ์ด ปีกดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษถูกวิจารณ์อย่างหนักหลังทำผลงานอะไรไม่ได้ เมื่อคืน โซลชา ก็ยังคงส่ง ลินการ์ด ลงเล่นเป็นตัวจริงทำให้แฟนบอล ปีศาจแดงไม่พอใจเป็นอย่างมากกับการส่งลงเล่นเป็นตัวจริง โดยได้แค่หวังว่าตัวของ ลินการ์ด จะกลับมาฟอร์มดีเหมือนเดิม แต่จากเกมส์เมื่อคืนก็ยังทำอะไรม่ได้เหมือนเดิม ทำได้แค่เพียงส่งบอลไปมา สร้างสรรค์เกมส์รุกไม่ได้เลย และเกมส์เมื่อคืนก็ยังมีจังหวะจับบอลแรกไม่ดีหมายครั้ง โดย ลินการ์ด ไม่มีชื่อการทำประตูและแอสซิสต์มาแล้ว 8 เดือนติดต่อกัน หากสัปดาห์หน้ายังทำอะไรไม่ได้ก็จะเป็น 9 เดือนติดที่ ลินการ์ด ไม่มีชื่อในการทำประตู หรือ แอสซิสต์ เลย

ดาเนี่ยล เจมส์ ในเกมส์เมื่อคืน เจมส์ โชว์ลูกปั่นสุดสวยทำให้ แมนยูฯ ตีเสมอ 1-1 แต่ก็ต้องแพ้ไป 1-2 ปีกดาวรุ่งเล่นได้โดดเด่นในเกมส์เมื่อคืน โดยมีบทบาทในเกมส์รุกค่อนข้างเยอะ และยังเรียกฟาวล์หน้ากรอบเขตโทษได้หลายครั้ง แต่ทีมก็ยังเปลี่ยนมาเป็นสกอร์ไม่ได้ซักลูก เจมส์ ถือว่าทำผลงานได้มากกว่าเกมส์ที่เจอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ซึ่งจะเป็นผลดีหากนักเตะคนนี้พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ และเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมได้ในอนาคต

หาคนรับตำแหน่ง จุดโทษ-ฟรีคิก จากเกมส์เมื่อคืนเกมส์รุกของ แมนยฯ ยังไม่สามารถเจาะแนบรับของ พาเลซ ได้มากนักจึงควรจจะหวังกับลูกตั้งเตะหรือฟรีคิก เกมส์เมื่อคืนได้ลูกฟรีคิกในระยะหวังผลได้ถึง 3 ครั้งแต่กับยิงออกนอกกรอบออกไปหมดทำให้เห็นว่า แมนยูฯ ยังไม่มีคนที่รับหน้าที่ฟรีคิกที่สามารถจะหวังผลได้จริงจังๆ ซักที และอีกจุดเปลี่ยนของเกมส์คือจุดโทษที่ แรชฟอร์ด รับนาทีสังหารเมื่อคืนแต่ก็ยิงไม่เข้าซึ่งเป็น 2 เกมส์ติดที่ แมนยูฯ ได้ลูกจุดโทษแต่ยิงไม่เข้าซึ่งเกมส์ที่แล้วที่ ป็อกบา ยิงถ้าเข้าพวกเค้าก็น่าจะได้ 3 คะแนนเต็มแต่ก็พลาดไป ถ้าคิดในมุมมองของคนดูแล้ว แมนยูฯ ควรจะหาคนที่มารับหน้าที่ ลูกฟรีคิก และ จุดโทษ ที่ไว้ใจได้ซักคน

ไม่มีสำรองทีเด็ดที่สามารถลงมาเปลี่ยนเกมส์ได้ ในเกมส์เมื่อคืนในม้านั่งสำรองของ แมนยูฯ ไม่มีนักเตะที่จะสามารถลงเปลี่ยนแปลงเกมส์ได้เลย โดยเกมส์คืน เมสัน กรีนวู้ด แลดูจะเป็นสำรองที่ดีที่สุดแต่ดาวรุ่งวัย 17 ปี ยังต้องการประสบการณ์ในเวที พรีเมียร์ ลีก อีกเยอะ ในขณะที่ ฆวน มาต้า และอันเดรียส เปเรยร่า ยังคงหาความแน่นอนไม่ได้และยังไม่ใช่แข้งที่จะลงมาพลิกเกมได้เท่าไหร่นัก ส่วนในรายของ อเล็กซิส ซานเชซ ก็ไม่รู้ว่าจะย้ายออกจากทีมไปหรือป่าว ซึ่งทำให้รู้เลยว่าในม้านั่งสำรอง ปีศาจแดง ไม่มีนักเตะคุณภาพที่จะสามารถลงมาเปลี่ยนเกมส์ได้เลย ซึ่งก่อนหน้านี้ แมนยูฯ มีข่าวที่จะดึงตัว เฟร์นานโด ยอเรนเต้ เข้ามาร่วมทีมซึ่งอาจจะเป็นผลดีกับทัพ ปีศาจแดงได้มาก แต่ โซลชา ก็ออกมาพูดแล้วว่าไม่ต้องการที่จะเซ็นนักเตะเข้ามาเสริมทัพแล้ว ซึ่งก็ต้องรอดูว่า โซลชา จะแก้ไขทีมยังไงให้กลับมาสมบูรณ์

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  riarestaurantchicago.com 

5 สถิติที่ CR7 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะสร้างขึ้นใหม่ฤดูกาลนี้



เปิด 5 สถิติที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะมีโอกาสสร้างขึ้นใหม่ในฤดูกาล 2019/2020 นี้

ฟุตบอล กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูดูกาล 2019/2020 กำลังจะเปิดขึ้นในวันที่ 24 สิงหาคม 2562 และแน่นอนว่า มีสถิติที่ โรนัลโด้ สตาร์เบอร์ 1 ของ ม้าลาย ยูเวนตุส จะสร้างขึ้นมาใหม่ในฤดูกาลนี้

1.คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ 3 ทีม จาก 3 สโมสรยักษ์ โดยโรนัลโด้ คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้วกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2008 และ มาประคว้าแชมป์ได้อีกกับ เรอัล มาดริด อีก 4 สมัยได้แก่ 2014, 2016, 2017 และ 2018 และย้ายข้ามฝากมาเล่นให้กับ ยูเวนตุส โดยความคาดหวังว่าจะพาทีม ม้าลายคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกมาครองได้ แต่ฤดูกาลที่ผ่านมาก็พลาดท่าตกรอบให้กับ อาแจ็กซ์ แบบช็อคโลกฟุตบอล ซึ่งปีนี้จากการเสริมทัพมากมายของม้าลายอาจจะทำให้ โรนัลโด้ พาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้สำเร็จ

2.คว้าแชมป์ยุโรปเทียบเท่าตำนานอย่าง ปาโก้ เจนโต้ ปัจจุบัน โรนัลโด้ คว้าแชมป์ยุโรปมาแล้ว 5 สมัย โดยเกิดขึ้นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 สมัย และ เรอัล มาดริด 4 สมัยถ้าหากปีนี้สามารพา ม้าลาย คว้าแชมป์ ได้ก็จะเป็นแชมป์สมัยที่ 6 เทียบเท่ากับ ปาโก้ เจนโต้ ตำนานของ เรอัล มาดริด ที่ได้แชมป์ มาแล้ว 6 สมัย

3.นักเตะคนแรกที่ยิงเกิน 30 ประตูในฤดูกาลเดียวกับ 3 ทีมในลีกใหญ่ ดาวเตะวัย 34 ปี ยิงเกิน 30 ประตูในฤดูกาลเดียวมาแล้ว 7 ซีซั่น โดยเกิดขึ้นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 ซีซั่น และ เรอัล มาดริดอีก 6 ซีซั่น หากฤดูกาลนี้เจ้าตัวยิงทะลุได้ 30 ประตู โรนัลโด้ จะกลายเป็นนักเตะคนแรกที่ทำได้กับ 3 ทีม ใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป

4.นักเตะคนแรกที่ทำได้ถึง 10 แฮตทริกใน แชมเปี้ยนส์ ลีก นับตั้งแต่เป็นนักเตะอาชีพมา โรนัลโด้ ทำแฮตทริกใน แชมเปี้ยนส์ ลีกไปแล้ว 8 ครั้ง เทียบเท่ากับ ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้าของ บาร์เซโลน่า หากเขาทำได้อีก 2 แฮตทริกในซีซั่นนี้ก็จะกลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำได้ถึง 10 แฮตทริกใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

5.นักเตะคนแรกที่ได้ดาวซัลโวใน 3 ลีกใหญ่ของยุโรป ฤดูกาลที่แล้ว โรนัลโด้ ทำได้แค่อันดับที่ 4 ของตำแหน่งดาวซัลโวของ เซเรีย อา อิตาลี หลังยิงไป 21 ประให้ ม้าลาย ขณะที่ดาวซัลโวของฤดูกาลที่แล้วเป็นของ ฟาบิโอ กวายาเรลล่า กองหน้า ซามพ์โดเรีย ที่ทำไป 26 ประตู โดยก่อนหน้านี้ หลุยส์ ซัวเรซ กับ รุด ฟาน นิสเตลรอย เคยเป็นดาวซัลโวใน 3 ลีกยุโรป (อังกฤษ, สเปน และ ฮอลแลนด์) แต่ยังไม่มีให้ที่สามารถทำกับ 3 ลีกใหญ่ของยุโรปได้ ซึ่งถ้าหาก โรนัลโด้ ทำได้ในฤดูกาลนี้ก็จะกลายเป็นนักเตะคนแรกที่ทำได้กับ 3 ลีกใหญ่ของ ยุโรป พรีเมียร์ลีก ลา ลีกา และ เซเรีย อา นั้นเอง

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  quinnbrettler.com 

อาวุธใหม่ ลูกกลางอากาศ ปีศาจแดง เฟร์นานโด ยอเรนเต้



อาวุธใหม่ ปีศาจแดง ฤดูกาลนี้ เฟร์นานโด ยอเรนเต้

เป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจจากแฟน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นอย่างมากกับการที่ทีมกำลังจะคว้าตัว เฟร์นานโด ยอเรนเต้ กองหน้าวัย 34 ปีชาวสเปน อดีตกองหน้า ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เข้ามาร่วมทีมในฤดูกาลนี้ ขณะที่ตลาดนักเตะของ พรีเมียร์ลีก อักกฤษได้ปิดลงไปแล้วแต่ทีมจากอังกฤษยังสามารถเซ็นนักเตะฟรีเอเยนต์เข้ามาร่วมทีมได้อยู่ ทำให้หลายคนให้สนใจกับเรื่องที่ ยอเรนเต้ กำลังจะได้มาเป็นส่วนหนึ่งในสนาม โอลแทรฟฟอร์ด

ด้วยความที่ ยอเรนเต้ ไม่ได้เป็นนักเตะที่โด่งดังอะไรมาก ทำให้หลายคนรวมถึงแฟนๆ ของปีศาจแดง สงใสในการที่ทีมกำลังจะคว้าตัวดาวเตะวัย 34 ปีเข้ามาสู่ทีม อย่างไรก็ตามจากมุมมองของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ นายใหญ่ของปีศาจแดงคิดว่านักเตะรายนี้ยังมีจุดเด่นที่เอามาใช้กับทีมได้อยู่นั้นก็คือลูกกลางอากาศ ซึ่งจะทดแทนการหายไปของ โรเมลู ลูกากู ได้อย่างแน่นอน เพราะปัจจุบัน แมนยูฯ มีแต่นักเตะความเร็วสูงที่เล่นลูกกลางอากาศได้ไม่ค่อยดีนัก และปัจจัยสำคัญคือนักเตะมีความคุ้นเคยกับฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อยู่แล้วจึงไม่จำเป็นจะต้องปรับตัวอะไรมากเพื่อให้เข้ากับฟุตบอลอังกฤษ

ถึงแม้ แมนยูฯ จะมีข่าวจาก เดลี่ เมล ออกมาว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ให้ความสนใจในตัวนักเตะรายนี้ แต่ความเป็นไปได้ข่อนค้างจะสูงตั้งแต่นักเตะอายุขึ้นหลักเลข 3 แล้วก็ยังไม่ได้มีปัญหากับลูกกลางอากาศ ผลงานของเจ้าตัวตั้งแต่ย้ายเข้ามาเล่นใน พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ฤดูกาล 2016-2017 เป็นต้นมา
ฤดูกาล 2016-2017 สวอนซี ซิตี้
ยอเรนเต้ ย้ายมา พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยความสงใสของชาวอังกฤษเพราะว่า ในฤดูกาล 2015-2016 ตัว ยอเรนเต้ ก็ไม่ได้โชว์ฟอร์มอะไรโดดเด่นมากกับ ต้นสังกัดอย่าง เซบีย่า โดยในฤดูกาลนั้นผลงานของเจ้าตัวจากการลงเล่นให้ เซบีย่า ไปทั้งหมด 23 เกมส์ทำได้ 4 ประตูแต่ ยอเรนเต้กลับมาโชว์ฟอร์มให้กลับ สวอนซี ซิตี้ ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ด้วยการทำไป 15 ประตูจากการลงสนามทั้งหมด 35 นัดในทุกรายการ และยังทำประตูจากลูกกลางอากาศได้ 7 ลูก ในฤดูกาลนั้น

ฤดูกาล 2017-2018 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมมากกับ สวอนซีทำให้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ต้องยอมจ่ายเงิน 12.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 459.8 ล้านบาท) เพื่อดึงตัว ยอเรนเต้ เข้ามาร่วมทัพ โดยเป้าหมายของการซื้อในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นอะไหล่ให้กับ แฮร์รี่ เคน กับ ซน ฮึง-มิน และในฤดูกาลนั้น ยอเรนเต้ ลงเล่นให้ สเปอร์ส ไปทั้งหมด 31 นัดทำได้ 5 ประตู ซึ่งเป็นฟอร์มที่ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ แต่ในด้านลูกกลางอากาศ ยอเรนเต้ ทำผลงานได้ดีเหมือนเดิม

ฤดูกาล 2018-2019 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
ในฤดูกาลนี้ สถานะของ ยอเรนเต้ ก็ยังคงเป็นอะไหล่สำรองเหมือนเดิม แต่เขาได้ลงเล่นมากกว่า ซีซั่นแรก เพราะได้ลงสนามไป 35 นัดทุกรายการแถมเขายังทำประตูได้มากขึ้นด้วยการทำไปถึง 8 ประตู และยังทำลูกสำคัญๆ ในเกมส์แชมป์เปียนส์ลีก ด้วยการยิงใส่ แมนเชสเตอร์ซิตี้ และพา ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เข้าสู่รอบรองได้สำหรับถึงแม้ว่าจะไม่ได้แชมป์ด้วยการแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูลไป 2-0 แต่ผลงานใน แชมป์เปียนส์ลีก ฤดูกาลนั้นของ ยอเรนเต้ ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  puntmagic.com

ลิเวอร์พูล รับเงินก้อนโตถ้า คูตินโญ่ ซบบาเยิร์น



ลิเวอร์พูล ต้องยิ้ม หาก ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ย้าย จาก บาร์เซโลน่า ซบ บาเยิร์น

หงแดงส์ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะได้เงิน 18 ล้านปอนด์ (ประมาณ 684 ล้านบาท) หลัง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ กองกลองทีมชาติบราซิล ตกลงย้าย จาก บาร์เซโลน่า ไปซบทีม บาเยิร์น มิวนิค สโมสรดังแห่ง บุนเดสลีกา เยอรมันแบบยืมตัว โดย ลิเวอร์พูล ทำข้อตกลงกับ บาร์เซโลน่า ตอนย้ายทีมเมื่อปี 2018 เป็นจำนวน 142 ล้านปอนด์ (ประมาณ 5,396 ล้านบาท) โดยเป็นการแบ่งจ่ายทันที 106 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,028 ล้านบาท) และจะจ่ายอีก 36 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,368 ล้านบาท) ตามเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้

อย่างไรก็ตามตั้งแต่ย้ายจาก ลิเวอร์พูล มาอยู่กับ บาร์เซโลน่า ดาวเตะชาวบราซิลยังทำผลงานได้ไม่ดีเหมือนสมัยที่เล่นให้กับ หงส์แดง จนทำให้ บาร์เซโลน่า ต้องปล่อยตัวแบบยืมตัวไปให้ บาเยิร์น มิวนิค ใช้งานเป็นเวลา 1 ฤดูกาล พร้อมเงื่อนไขที่สามารถซื้อขาดได้ โดยจะมีการเปิดตัวนักเตะอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 สิงหาคมนี้

จากที่ บาร์เซโลน่า ยังจ่ายค่าตัวของ คูตี้ ไม่หมด ทำให้ บาเยิร์น จะต้องส่งเงินค่ายืมตัว 18 ล้านปอนด์ ไปให้กับ ลิเวอร์พูล โดยตรงไม่ต้องผ่าน บาร์เซโลน่า และหาก บาเยิร์น ทำการซื้อขาดนักเตะในฤดูกาลหน้า ก็จะทำให้ หงส์แดง จะได้ส่วนแบ่งอีกก้อน จากการซื้อขายตัวของ คูตินโญ่ โดยก่อนที่จะย้ายไป บาร์เยิร์น ได้มีหลายทีมเข้ามาสนใจที่จะยืมตัวของเค้าไปใช้งาน หลายทีม อย่างเช่น อาเซน่อล แต่ก็ดูเหมือนทางปืนใหญ่ก็ไม่ได้สนใจการยืมตัว คูตินโญ่ แบบจริงจังเท่าไหร่

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  ptolitigationcenter.com

เปิดค่าเหนื่อย อเล็กซิส แมนยูฯ จ่ายสูงกว่าที่คิดไว้เยอะ



แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องจ่ายค่าเหนื่อย อเล็กซิส ซานเชช สูงถึง 560,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

เดลี่ เมล สื่อดังของประเทศอังกฤษ ได้เปิดเผย ค่าเหนื่อยที่แท้จริงของ อเล็กซิส ซานเชช กองหน้าชาวชิลีของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สูงถึง 560,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ไม่ไช่ 505,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ อย่างที่ทุกคนคิดและมันก็ยังเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เจ้าตัวยังไม่ย้ายออกจากทัพ ปีศาจแดง โดย อเล็กซิส ย้ายจาก อาเซน่อล มาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อช่วงเดือนมกราคมในปี 2018 โดยเป็นดีลย้ายสลับขั้วกับ เฮนริค มคิทาร์ยาน โดย แมนยู ไม่ได้เสียค่าตัวของ อเล็กซิส โดยใช้เป็นค่าเหนื่อยที่สูงถึง 505,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์มาเป็นตัวโน้มน้าวใจให้แข้งชาวชิลีย้ายมาอยู่กับพวกเค้า

โดยเงินจำนวน 505,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ในเบื้องต้นเป็นค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 300,000 ปอนด์ (ประมาณ 12.30 ล้านบาท) และจะได้เงินอีก 100,000 ปอนด์ (ประมาณ 4.1 ล้านบาท) เป็นค่าลิขสิทธิ์ทางภาพลักษณ์ของเจ้าตัว นอกจากนี้ แมนยูฯ ยังทำข้อตกลงกับ ซานเชช ว่าจะยอมจ่ายเงินให้ เฟร์นานโด เฟลิเซวิช เอเยนต์คู่ใจของเขา 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 205 ล้านบาท) ตลอดระยะเวลาของสัญญา เพื่อเป็นค่านายหน้าที่ เฟลิเซวิช ช่วยทำให้เกิดดีลนี้ขึ้น ซึ่งถ้าคิดเป็นสัปดาห์ก็อยู่ที่ 21,370 ปอนด์ (ประมาณ 876,170 บาท) ต่อสัปดาห์ แต่เงื่อนไขที่เสนอมาจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ ซานเชช ลงเล่นให้แมนยูฯ เป็นตัวจริง รวมทุกรายการต้องมากกว่า 30 นัด ต่อ 1 ฤดูกาล โดยในขณะที่ฤดูกาลที่แล้ว ซานเชช ลงเล่นเป็นตัวจริงให้ แมนยูฯ แค่เพียง 13 นัดเท่านั้นซึ่งไม่คุ้มกับค่าเหนื่อยสูงที่เจ้าตัวได้รับอยู่แม้แต่นิดเลย

ทั้งนี้ยังมีโบนัสด้านอื่นๆ อีก และการจ่ายเงินประกันแห่งชาติด้วย ซึ่งจากการที่ ซานเชช ได้เงินรวมสัปดาห์ละ 560,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ทำให้เป็นเหตุผลที่ยังไม่ย้ายออกจาก ปีศาจแดง ถึงแม้เจ้าตัวพร้อมที่จะบอกลาแมนยู แล้วก็ตาม โดยมีทีมที่ให้ความสนใจในกองหน้าวัย 30 ปี มากมายทั้ง อาแอส โรม่า, ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน และ นาโปลี แต่ดูเหมือนหลายๆ ทีมจะสู่ค่าเหนื่อยของเจ้าตัวไม่ไหวทำให้ยังไม่มีทีมไหนยื่นข้อเสนอมา โดยแมนยู อยากจะรีบปล่อยตัว ซานเชช ออกไปให้เร็วที่สุดเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย โดยระยะหลังเจ้าตัวแทบจะไม่ได้รับโอกาสในการลงสนามตั้งแต่ในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ ยาวมาจนถึงยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เนื่องจากฟอร์มที่ไม่คงเส้นคงวาและเวลาลงสนามไปก็แทบจะทำอะไรช่วยทีมไม่ได้

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  prosource-it.com

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2562

การย้ายทีมของ CR7 เปรียบได้กับการถูกหวยของกัลโช่ เซเรียอา



หากถามถึงนักฟุตบอลผู้เป็นขวัญใจของแฟนฟุตบอลส่วนใหญ่ในทศวรรษที่ผ่านมา จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากลีโอเนล เมสซี และคริสเตียโน โรนัลโด ซึ่งเป็นคู่นักเตะที่คว้าบัลลงดอร์จำนวนครั้งเท่ากันระหว่างปี 2008-2017 เป็นสถิติที่ถือว่าไร้เทียมทานในประวัติศาสตร์ฟุตบอล (ของปี 2018 ยังรอการตัดสินอยู่ ซึ่งเมสซีหลุดโผไปแล้ว แต่โรนัลโดยังอยู่ โดยคะแนนอันดับ 4-10 ได้แก่ 4. กรีซมันน์: 72 คะแนน 5. เมสซี: 55 คะแนน 6. เอ็มบัปเป้: 43 คะแนน 7. เดอบรอยน์: 28 คะแนน 8. วาราน: 23 คะแนน 9. อาซาร์: 15 คะแนน และ 10. รามอส: 12 คะแนน) นั่นคือ ถ้าโรนัลโดได้บัลลงดอร์ 2018 จะแซงเมสซีทำสถิติเจ้าของบัลลงดอร์ 6 ต่อ 5 สมัย

แต่ก่อนหน้าที่จะประกาศผลว่่าใครคือผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปีทวีปยุโรป ตลาดนักเตะล่าสุดคริสเตียโน โรนัลโด ก็ทำเซอร์ไพรส์วงการอีกครั้ง ซึ่งหลายท่านน่าจะทราบกันแล้ว ว่าเขาได้ตัดสินใจย้ายออกจากรีลมาดริด ไปสู่ยูเวนตุสแห่งลีกกัลโช่เซเรียอา โดยการย้ายครั้งนี้ถือเป็นบิ๊กดีลที่สร้างกระแส 2 แบบ คือ เสียดายปนอาลัยของแฟนบอลราชันย์ชุดขาว สลับกับความตื่นเต้นและคึกคัก ใฝ่ฝันถึงถ้วยแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีกใบที่ 3 ของพลพรรคม้าลายแห่งอิตาลี แม้ในตอนแรกก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดฝันว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ขนาดจูเซปเป้ มารอตต้า CEO ของฝั่งยูเว่ยังต้องถามกลับ เมื่อจอร์จ เมนเดส ซูเปอร์เอเยนต์คนดังเปิดประเด็นเรื่องโรนัลโด ว่า “นี่คุณกำลังล้อพวกเราเล่นใช่ไหม?” ถึงกระนั้น ซูเปอร์ดีลก็ลุล่วงไปด้วยดี สนนราคาที่ 100 ล้านยูโร ในวัย 33 ปี ของโรนัลโด และเจ้าตัวก็ระบุถึง 1 ในเหตุผลที่เลือกทีมม้าลายเป็นทีมใหม่ นั่นคือ ความประทับใจในการแสตนดิ้งโอเวชั่น (Standing Ovation) ของ แฟนบอลยูเว่ เมื่อหลังจากโรนัลโด จักรยานอากาศทำประตูที่ 2 ในการพบกันเลกแรกของยูเวนตุส-รีลมาดริด ในยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกส์ ฤดูกาล 2017-2018 โดยพี่โด้ถึงกับบอกเองว่า “ผมไม่เคยได้รับการให้เกียรติอย่างนี้มาก่อน”

การย้ายทีมของโรนัลโดรอบล่าสุดนี้ ไม่เพียงเป็นการเสริมทีมที่ยอดเยี่ยมของยูเวนตุสเท่านั้น กระทั่งลีกกัลโช่เซเรียอาก็ยังคึกคักตามไปด้วย แม้ว่าก่อนหน้านี้นาโปลีจะได้คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือระดับแชมป์เปี้ยนมานั่งเฮดโค้ชแล้วก็ตาม แต่พอโรนัลโดมา ดูเหมือนระดับความเข้มข้นของการแข่งขันจะสูงขึ้นอีก นอกจากนี้ทีมดังที่ซบเซาอยู่ เช่น มิลาน หรืออินเตอร์ ก็เสริมตัวผู้เล่นได้ดีทีเดียว ยิ่งมิลานที่ได้ทั้งกอนซาโล่ อิกวาอิน, มัตเตีย คัลดาร่า, ดิเอโก ลักซาลท์, และ ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ เรียกได้ว่าดูน่าสนใจไม่ใช่น้อยในด้านของความสมดุลย์ในการเล่น และความคมในการทำประตู มองไปที่โรม่าที่ถึงจะเสียผู้รักษาประตูคนเก่ง อย่างอลิสสันไปให้ลิเวอร์พูล แต่ก็ได้ผู้เล่นใหม่ คือ สเตฟาน เอ็นซอนซี่ และฮาเวียร์ ปาสตอเร่ เข้ามา รวมถึงจัสติน ไคลเวิร์ต ผู้เล่นดาวรุ่งที่จะเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติฮอลแลนด์ในอนาคตอันใกล้ดูภาพรวมลีกถือว่ามีความน่าติดตามน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นพอสมควร

อย่างไรก็ดี แฟนบอลหลายคนมองว่ากัลโช่นั้นหมู โรนัลโดมาอยู่ที่นี่ก็มีความคาดหวังกันว่าจะได้เห็นดาวยิงทีมชาติโปรตุเกสฉีกแนวรับทีมตรงข้ามกระจุย แต่นัดเปิดตัวกับคิเอโว่ ก็น่าจะพอทราบแล้วว่า “มันก็ไม่ได้หมูขนาดนั้น”  ยิ่งทีมตรงข้ามเจอนักเตะเซเล็บ เขายิ่งทุ่มเท เช่น ซอเร็นติโน่เซฟลูกยิงโด้แบบเซฟเอา ๆ แต่ที่แน่นอนคือ “โรนัลโดเล่นมันส์มาก” และ “ยูเว่ได้โรนัลโดมา กัลโช่เลยเหมือนถูกหวย” ตามคำที่คริสเตียน วิเอรี่ กล่าวไว้ก่อนเปิดฤดูกาล เพราะลีกที่ซบเซากำลังเริ่มกลับมาได้รับการจับตาอีกครั้ง

 รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  trigsol.com

ความพยายามครั้งใหม่ของเอซีมิลานในปี 2018



 เอซีมิลาน จากอดีตอันเกรียงไกร คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์มากที่สุดของกัลโช่ เซเรียอา มาบัดนี้ตั้งแต่ประสบปัญหาการเงินจนต้องปล่อยนักเตะตัวหลักออกจากทีมทีละคน ที่ตราตรึงใจแฟนบอลทั่วไปก็ปล่อยกาก้าไปรีลมาดริด หรือคิดผิดพลาดไปปล่อยตัวอันเดรีย ปีร์โล่ให้ยูเวนตุส ช่วงเวลาต่อ ๆ มาก็ซื้อตัวแบบผิดตัว จะเอาเกรดA ดันกลายเป็นประเภท B หรือ B+ บ้าง ซึ่งเวลาผ่านมาในช่วง 2013-2015 ถ้าติดตามกันบ้างก็พอจะรู้ผลงานนักเตะเหล่านี้ในสีเสื้อแดงดำเป็นอย่างไร เช่น เฌเรมี่ เมเนซ, อันเดรีย โปลี่, อเลสซิโอ แชร์ซี่, เคซึเกะ ฮอนดะ, คริสเตียน ซาปาต้า, เฟอร์นันโด ตอร์เรส, มิคาเอล เอสเซียง ฯลฯ ซึ่งนักเตะที่ได้มาและท่าทางพึ่งพาได้เห็นจะมีเพียง ซูโซ่,

โบนาเวนตูร่า, ดอนนารุมม่า และโรมันโญลี่ ที่ปัจจุบันนี้ยังอยู่กับสโมสร ส่วนพวกศูนย์หน้าที่น่าจะฝากความหวังไว้ได้อย่าง คาลอส บัคก้า, สเตฟาน เอลชาราวี, เอ็มบาย เนียง และอันเดร ซิลวา กลับต้องย้ายทีมออกไปอย่างน่าเสียดาย จริง ๆ เอลชาราวี และเนียง น่าจะฝากฝังอนาคตได้แท้ ๆ แถมไม่มีความต้องการย้ายออกจากถิ่นซาน ซีโร่ แต่จำใจต้องลาจากเสื้อสีแดงดำที่พวกเขารัก ในรายของเอลชาราวีตอนนี้ก็กำลังไปได้ดีกับโรม่า ส่วนเนียงต้องระหกระเหินเร่ร่อน 4 ปี 4 ทีม ทั้งถูกปล่อยยืมตัวไปมงต์เปลิเยร์ เจนัว วัตฟอร์ด และเมื่อปีที่แล้วก็มาลงเอยด้วยสัญญายืมตัวกับโตริโน่ และถูกทีมกระทิงหินซื้อขาดไปด้วยค่าตัว 10 ล้านยูโรนี่เอง ยิ่งรายของอันเดร ซิลวา ที่ฟอร์มการเล่นเมื่อฤดูกาลก่อนไม่ดีเอาเสียเลย ย้ายไปเซบีย่า นัดแรกกดแฮททริกให้ต้นสังกัดใหม่แห่งแคว้นอันดาลูเซียโชว์ทีมเก่าไปเรียบร้อย

เวลานี้นี้เพิ่งเริ่มต้นฤดูกาล 2018/2019 เพิ่งผ่านเกมส์กับนาโปลีและพ่ายแพ้ไปทั้งที่ออกนำไปก่อน 2 ประตูแท้ ๆ ยังถูกทวงคืนตั้ง 3 ลูก ซึ่งประตูที่เสียทั้งหมดนี้ถือเป็นความผิดพลาดของกองหลังทั้งหมดเลย ลูกแรกปล่อยนักเตะนาโปลีแต่งลูกจนยิงได้ ลูกสองเสียเพราะบากาโยโก้ที่เพิ่งยืมมาจากเชลซีดันโหม่งไปเข้าทางฝั่งตรงข้ามที่รอหน้ากรอบยิงเข้าไปซะงั้น ลูกสามยิ่งแสดงความอ่อนด๋อยของแนวรับมิลานออกมาให้เห็น จากการถูกจ่ายเลียดหน้าปากประตู เสา1ไปเสา2 ให้ดรีส เมอร์เท่น ทำประตูชิง 3 คะแนนไปหน้าตาเฉย

 ส่วนอิกวาอินที่ได้มาจากยูเวนตุสด้วยสัญญายืมตัว (พร้อมทั้งสิทธิ์ซื้อขาด) กลับแสดงความโดดเด่นออกมาไม่ได้ สรุปแล้ว หลายปีมานี้ ผู้เล่นใหม่ที่มิลานซื้อมาร่วมทีมใช้ไม่ค่อยจะได้เลย กลายเป็นเด็กปั้นที่จะดูดีเสียกว่า ทั้งแพททริค คูโตรเน่, ดาวิเด้ คาลาเบรีย, และอาจจะรวมถึงมานูเอล โลคาเตลลี่ ที่ถูกปล่อยยืมไปซาสซูโอโล่ อีกด้วย (ประตูของโลคาเตลลี่วัย 18 ปี เมื่อเดือนกันยายน 2016 ที่ยิงเป็นประตูโทน เอาชนะยูเวนตุส ตามจริงเวลานี้เขาควรเป็นสตาร์ประจำทีมแดงดำไปแล้วด้วยซ้ำ)

เหมือนกับมิลานทีมนี้ที่เคยยิ่งใหญ่ถูกคำสาป ซื้อใครมาก็ไม่เวิร์ค ขายบัคก้า ขายอันเดร ซิลวา ก็ไปฟอร์มดีกับทีมที่ได้ไปซะอีก มิลานจะผ่านยุคที่ซบเซานี้ไปได้หรือไม่ สังเกตอีกอย่าง บอร์ดบริหารชุดนี้ของรอสโซเนรี่จะชอบจ้างกุนซือประเภทนักเตะเก่าแต่เป็นมือใหม่มาคุมทีม อย่างอินซากี, เซดอร์ฟ ตอนนี้ก็กัตตูโซ่ที่กุมบังเหียนอยู่ ตรงนี้น่าจะเป็นคำตอบกระมัง ที่ทุ่มตัวนักเตะ ดันลืมจัดโค้ชเก่ง ๆ มาด้วย แต่งานนี้ก่อนจะรู้ผล รอดูนักเตะใหม่ที่ยังไม่ลงซะก่อนอย่าง อเลน ฮาลิโลวิช กับกาสติเญโฆ่ เสียก่อนน่าจะดีกว่า

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่ toollanyardsbagsandbelts.com

การอุดประตูแบบ PARK THE BUS คืออะไร



ทุกวันนี้เมื่อเราชมฟุตบอลถ่ายทอดสดกันทางทีวี มักจะได้ยินคำ ๆ หนึ่งของนักพากย์บอลสด ที่กำลังบรรยายเกมอย่างเมามัน พูดบ่อย ๆ คือคำว่า “จอดรถบัส” หรือวลีที่ Commentator ฝรั่งเสียงในฟิล์มจากอังกฤษใช้คำว่า “Park the Bus” บ่อย ๆ ออกอากาศโดยเฉพาะในการวิเคราะห์เกมช่วงพักเบรก นี่ทำให้แฟน ๆ หลายคนตามไม่ทันว่ามันแปลว่าอะไร หรือหมายถึงวิธีการทางแทกติกอย่างไรในเกมฟุตบอลกันแน่ วันนี้ให้เรามาตอบคำถามนี้กันในเบื้องลึกกันเลย และมั่นใจว่าความรู้ในบทความนี้ จะช่วยให้มีเบื้องลึกด้านการอ่านเกม และดูบอลอย่างลึกซึ้งขึ้นแน่นอน

ที่มาของคำว่า “Park the Bus”

แรกสุดขอให้นึกภาพรถบัสหรือรถเมลบ้านเราก่อน เมื่อเราเห็นก็ทราบทันทีว่า ความยาวและความสูงขนาดนั้น แน่นอนต้องยาวกว่าประตูในสนามฟุตบอลที่มีขนาดประมาณ 7.2 x 4.4 เมตรแน่นอน เพราะฉะนั้นในบ้านเมืองอังกฤษ แฟนบอลได้เห็น ได้ใช้ยานพหนะชนิดนี้อย่างคุ้นเคยเป็นประจำ จนได้ยกเอามาเปรียบเทียบกับ การเล่นเกมรับแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ในเกมฟุตบอลนั่นเอง ทีนี้ความหมายทางด้านฟุตบอลของคำว่า จอดรถบัสขวาง จึงหมายความว่า การเล่นเกมรับแบบสุดโต่ง (Ultra) ที่ต้องใช้นักเตะเกือบทั้งทีมพร้อม ๆ กันตั้งรับ และปล่อยให้คู่แข่งได้ครองบอลมากกว่าตามใจชอบเลย เพื่อแลกกับ พื้นที่ประมาณ 3 ส่วนนับจากกลางสนามของฝั่งตัวเอง พูดง่าย ๆ คือให้นึกภาพตามว่า ทั้ง 11 คน ถอยร่นลงมาตั้งรับเป็นชั้น ๆ ทันทีที่คู่แข่งผ่านครึ่งสนามมา ก็จะแทบเรียกได้ว่าไม่เห็นใครเลย แต่พอมองไปข้างหน้าก็จะเห็น ฝั่งตรงข้ามยืนกันเป็นพรืด พอดูสีเสื้อที่เหมือนกันเป็นแนวแล้ว ก็คล้ายกับรถบัสทั้งคันกำลังขวางประตูอยู่นั่นเอง

จะเล่นแบบ“Park the Bus” ต้องทำอย่างไร

อย่างแรกสุดต้องเข้าใจก่อน ทั้งโค้ชและนักเตะว่า การเล่นอุดแบบจอดรถบัสนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะในเกม เพราะว่าเมื่อไม่มีนักเตะในเกมรุก ก็มีโอกาสน้อยลงที่จะยิง และตามมาด้วยโอกาสชนะน้อยลง แต่ว่าอาจจะหวังได้แค่จากการสวนกลับเท่านั้น จึงเหมาะกับทีมที่ต้องการผลเสมอหรือเป็นรองอย่างมาก และหากเข้าใจตรงกันแล้ว ก็เริ่มด้วยการตั้งสติและสมาธิในใจนักเตะก่อน เพราะว่าทุกคนที่ตั้งรับจะต้องมีความอดทนและคุยกันบ่อย ๆ ในสนาม เรื่องการจัดระเบียบยืนตำแหน่ง หลังจากนั้นให้ปีกทั้งสองข้างในระบบ 4-4-2 หรือ 4-2-3-1 ถอยลงมาให้เป็นเหมือนแผงกองหลัง แนวระนาบชั้นที่ 2 ซ้อนกันทั้งปีกจนถึงกองกลาง รวมทั้งเพลย์เมกเกอร์ ที่สำคัญคือทั้งหมดต้องยืนชิดกันไม่เหมือนแผนปกติ เพื่อลดช่องว่างระหว่างกองหลังและกองกลาง (ที่ตอนนี้เหมือนเปลี่ยนมาเป็นกองหลังแล้ว) จนทำให้การผ่านบอลของคู่แข่งนั้นยากขึ้น และเมื่อคู่แข่งเลี้ยงบอลผ่าน หรือแทงบอลทะลุช่องก็จะมีตัวที่ 2 หรือ 3 เข้ามาซ้อนทันทีนั่นเอง

ตอนนี้หลายคนคงเริ่มเข้าใจแล้วเรื่องแทกติกแบบการอุดประตู ระดับจอดรถบัส คงได้ทราบสาเหตุและขั้นตอนการฝึกฝนที่ไม่ยากเลย และสามารถนำไปปรับใช้กับทีมของตัวเองได้ หวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการในทุกเกม

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่ thepixelbeard.com

ทำไมตำแหน่งกองกลางตัวรับถึงสำคัญมากในสนาม



เมื่อพูดถึงชื่อนักเตะนามว่า โคล้ด มาเคเลเล่ แล้ว ทุกวันนี้แฟนบอลจะคิดถึงอะไร ถ้าเป็นแฟนบอลที่ไม่ได้ดูบอลบ่อย หรืออาจจะเกิดหลัง 10 ปีล่าสุด ก็อาจจะถามว่าใครหว่าไม่เห็นรู้จักเลย ทีมอะไรกันแน่ ก็ไม่เป็นไรไม่ว่ากัน เพราะว่าเค้าคนนี้แขวนสตั้ดไปเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้มีเห็นหน้ากันบนจอทีวีมานานแล้ว แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นแฟนบอลรุ่นเก่าไม่มาก ไม่แก่เกินไปจะต้องรู้จักแน่นอน และอาจจะอุทานด้วยซ้ำว่า นี่มันนักเตะกองกลางตัวรับในตำนานนี่หน่า ทำไมถึงเรียกแบบนี้ และตำแหน่งกองกลางตัวรับ ตัวตัดเกม ที่เรียกว่าตำแหน่งมาเคเลเล่นี้ คืออะไร

ความหมายของตำแหน่งนี้


นี่เป็นหนึ่งในตำแหน่งที่เรียกและทำงานกันตามชื่อตรง ๆ เลย เพราะว่ากองกลางตัวรับ เน้นหนักไปที่การป้องกัน และการยืนตำแหน่งอยู่หน้าแผงกองหลังเป็นหลัก เพื่อทำหน้าที่เหมือนกำแพงอีกชั้นไม่ให้บอลอันตรายได้ผ่านไป และกองหน้ามาถึงกองหลังเร็วเกินไป โดยไม่มีการสกัดกั้นก่อน เค้าเลยทำหน้าที่แย่งบอล ไล่บอล ปิดตำแหน่ง และบล็อกลูกยิงลูกจ่ายทั้งหมดที่จะผ่านไปถึงเขตโทษของกองหลังได้  ดีไม่ดีบางครั้งถึงกับเป็นกองหลังตัวเสริมในบางสถานการณ์ที่ไม่รู้ตัวเลยก็ได้  และนี่คือสาเหตุที่ว่า ทำไมกองกลางตัวรับ จึงเหมือนคนปิดทองหลังพระ เป็นฮีโร่ที่ไม่มีใครกล่าวถึงในเกมฟุตบอลมากมายเพียงพอนั่นเอง แต่ตอนนี้ เราคงอยาจะรู้ต่อว่า ทำไมตำแหน่งนี้สำคัญ

ทำไมกองกลางตัวรับถึงสำคัญมาก


สาเหตุแรกก็เพราะว่า กองกลางตัวรับ ช่วยปิดช่องว่างระหว่างตำแหน่งต่าง ๆ เช่น ระหว่างกองกลางและกองหลัง หรือระหว่างฟูลแบ็คด้านข้าง และบางทีอาจจะทำหน้าที่แทนกองหลัง เวลาทีมดันขึ้นไปบุก หรือเวลากองหลังถอยลงไปตั้งรับลึก และมีพื้นที่ว่างด้านหน้า ให้เจาะได้ง่ายที่สุด กองกลางตัวรับจะปิดให้ทั้งหมด สาเหตุต่อไปก็เพราะกองกลางตัวรับ จะคอยทำหน้าที่ประกบและหยุดการเล่นของนักเตะหมายเลข 10 หรือเพลย์เมกเกอร์นั่นเอง อย่างที่เห็นบนสนาม ข้างหน้าแผงหลังของเรา ก็คือตำแหน่งของ ตัวทำเกมฝ่ายตรงข้าม แสดงว่ากองกลางตัวรับจะคอยประกบ และตามประกบอัตโนมัติเลย เหตุผลต่อไป คือ กองกลางตัวรับจะคอยเป็นตัวว่าง ให้เพื่อน ๆ จ่ายบอกมาที่จุดตรงกลาง ระหว่างการครองบอล ไม่ว่าจะรับหรือรุก ตำแหน่งนี้จะถูกส่งมาบ่อยที่สุด เพื่อระบายความกดดัน และให้ไม่เสียบอลง่าย ๆ เนื่องจากอยู่ตำแหน่งที่ลึก และอีกจุดหนึ่งที่เป็นข้อดีตามมาคือ เนื่องจากมาจากแนวหลังกองกลางตัวรับจึงสามารถทำเกม คุมจังหวะได้จากแถวไกล ยิ่งถ้ากองหน้าฝั่งตรงข้ามไม่ไล่บอลด้วย และอย่างสุดท้าย กองกลางตัวรับมักจะเป็นนักเตะที่ฉลาด และอ่านเกมได้ดีมาก และยังนิ่งด้วย เช่น อังเดร ปิโล่ ทำให้เค้าเป็นผู้นำที่ดีตรงกลางสนามของทีม

ตอนนี้หลาย ๆ คนที่เคยได้ยินคำว่ามาเคเลเล่ คงจะมีความเข้าใจมากขึ้นถึงงานที่เค้าทำแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแต่การลองไปทำหน้าที่นี้เสียสละเพื่อทีม และทำหน้าที่ปิดทองหลังพระดู แล้วคุณจะสนุกกับมันโดยไมรู้ตัว

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  thepalmshoppingmall.com

การเสียบแบบ SLIDING TACKLE คืออะไร



ในกีฬาฟุตบอลนั้น มักจะมีหลายสิ่งที่แฟนบอล หรือเม้แต่ผู้คนที่เป็นคอบอล นักเตะ และผู้มีใจรักในกีฬาทุกคนนั้นหลงลืม หรือจะเรียกว่ามองข้ามไปก็ได้ ยกตัวอย่าง เช่น การลืมไปว่านายประตูมีความสำคัญขนาดไหนต่อเกมการแข่งขัน เพียงเพราะว่าอยู่ด้านหลังสุด และไม่ค่อยได้เห็นบ่อย ๆ รวมทั้งกองหลัง หรือเกมรับที่แม้ว่าไม่เท่ แต่ก็มีความสำคัญเสียสละอย่างมากต่อทีมโดยรวม และที่จริงกองหลัง แม้จะไม่ได้ ตีลังกายิง หรือโชว์ทักษะสุดยอดในการเลี้ยงบอลบ่อย ๆ แต่ก็มีความเท่ห์ไม่หยอกในตัวเอง และสิ่งที่เท่ห์ที่สุดของกองหลังคงหนีไม่พ้น การเสียบสกัดแบบ Slide Tackle แต่ทักษะที่ว่านี้คืออะไร และจะทำได้อย่างไรบ้าง เราไปดูกัน

การ Slide Tackle คืออะไรกันแน่

แม้จะเคยเห็นในทีวีบ่อย แต่ความหมาย ก็คือการ Tackle หรือการเข้าปะทะรูปแบบหนึ่งในเกมฟุตบอล โดยการใช้ขายืดออกไปเพื่อจะดันหรือเตะบอล หรือบางทีแม้แต่จะเพียงแค่หยุดบอล จากการควบคุมบอลของอีกฝ่ายหนึ่ง บ่อยครั้งการสกัดแบบนี้เรียกว่า Sliding ด้วย ก็เพราะว่า เมื่อมีการวิ่งไล่หรือกวดบอลแข่งกันระหว่างกองหลัง และกองหน้าทีมตรงข้าม กองหลังส่วนมากจะต้องใช้การนอนล้มตัวและไหลไปด้วยแรงดัน เพื่อส่งให้ตัวเอง กับขาที่ยื่นออก ไม่ว่าข้างเดียวหรือสองข้างนั้น ไปถึงตัวผู้ครองบอลถึง โดยที่ไม่ต้องแซงไปดักหน้านั่นเอง ซึ่งจะทำให้มีประสิทธิภาพกว่าในการสกัด หรือป้องกันวินาทีสุดท้ายด้วย

แล้วถ้าอย่างนั้นเราจะหัด Slide Tackle ได้อย่างไรบ้าง

อย่างแรกสุดที่ต้องคำนึงถึงก็คือ ต้องคิดก่อนว่า การเสียบสไลด์นั้นมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการบาดเจ็บของตัวเอง ที่เกิดจากการหล่นทับหรือผิดพลาด และการบาดเจ็บของคนเลี้ยงบอลหากกะจังหวะผิด นอกจากนั้นการสไลด์เสียบ ควรจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายเลยที่กองหลังจะเลือก เพราะเมื่อพลาดขึ้นมาโอกาสเสียประตูมีสูง ในสถานการณ์ปกตินั้นการยืนสกัดหรือเข้าปะทะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย และดีกว่าเสมอ

ถ้าพร้อมจะ Slide Tackle แล้วสิ่งที่ต้องทำคือ

สิ่งแรกกะจังหวะให้ดี เคล็ดลับคือเมื่อกองหน้าเลี้ยงบอลอยู่ในจังหวะกระชาก หรือแตะบอลไปข้างหน้า แล้วกำลังจะตามไปเลี้ยง นั่นแหละคือช่วงที่ดีที่สุดที่จะสไลด์ไป เพราะมีโอกาสสูงกว่าระหว่างคนที่แยกกับบอลอยู่ นอกจากนั้นจำไว้ว่า ถ้าขาข้างไหนถนัดให้ใช้ข้างนั้น เพื่อให้ไปถึงเร็วที่สุด นอกจากนั้นให้อีกข้างหุบและงอไว้ข้างหลังเพื่อสมดุล อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ การมองบอลตลอดเวลาไม่ใช่คน และสุดท้ายความนิ่งคือสิ่งสำคัญที่สุด นักเตะที่นิ่งจะทำให้ทุกอย่างช้าลงและผิดพลาดน้อยที่สุด   ตอนนี้ถ้าพร้อมแล้ว ขอเชิญให้ทุกคนลองเล่นกองหลังและลอง Slide Tackle กันไปเลย

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่ thehotspotonline.com

มารู้จักตำแหน่งที่เรียกว่ากองกลาง BOX TO BOX กัน



ในการเล่นฟุตบอลนั้น ตำแหน่งที่มีความซับซ้อน และหลากหลายที่สุดในสนาม คงจะเป็นตำแหน่งอื่นใดไปไม่ได้ นอกจาก กองกลาง เพราะว่ามีทั้งกองกลางที่เป็น ตัวรุก ตัวรับ และเป็นทั้งตรงกลางสนามและด้านข้าง มีทั้งกองกลาง Play Maker และมีทั้ง Destroyer นี่ทำให้ฟุตบอลมีความลึกซึ้ง มีความซับซ้อนแต่ก็มีเสน่ห์สามารถดึง เอารายละเอียดของการเล่นเหล่านี้ ออกมาทำเป็นแทคติกที่หลากหลายแต่ก็น่าสนใจ และหนึ่งในตำแหน่งกองกลางที่มากมายนี้ ตำแหน่งหนึ่งที่แทบจะไม่มีคนพูดถึง หรือแฟนบอลคนไทยแทบจะไม่รู้จักก็คือ กองกลาง Box To Box นั่นเอง วันนี้เราจะได้ไปดูกันว่าตำแหน่งนี้คืออะไรและเล่นอย่างไร

ชื่อของ Box To Box มาจากไหน

ก่อนอื่นชื่อนี้แปลเป็นภาษาไทยตามตัวว่า จากกรอบเขตโทษหนึ่ง ไปถึง อีกกรอบเขตโทษหนึ่ง เพราะว่า Box แปลว่ากรอบเขตโทษในเกมฟุตบอล พูดแบบนี้แล้วหลายคนน่าจะพอเดาออกแล้วว่า ทำไมกองกลางตำแหน่งนี้ถึงได้ชื่อนี้ คำตอบคือ นักเตะคนนี้จะต้องคอยวิ่งจากฝั่งตัวเองในจังหวะเกมรับ และเมื่อทีมไปบุกอีกฟาก ก็ต้องวิ่งตามไปสนับสนุนการบุกอีกเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อจะช่วยการครองบอลของทีม โดยที่มีจำนวนนักเตะพอเพียงเสมอในทุกสถานการณ์ และทุก ๆ พื้นที่ของสนามนั่นเอง และการจะไปมา ๆ แบบนี้ ก็คงจะเดาได้ว่า ต้องมีความอึดและความแข็งแกร่งด้านร่างกายไม่มากก็น้อยเลย เค้าต้องทำงานหนัก เสียสละ และไม่ยอมแพ้ นี่แหละตำแหน่งที่ว่านั่นเอง

แล้วตำแหน่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง

กองกลางตำแหน่งนี้ เป็นเหมือนกับรวมกองกลางตัวรุก-รับ และ Play Maker เข้าไว้ในคนเดียวกัน ในเกมรับเค้าต้องช่วยไล่บอล กันการส่ง และแย่งบอลกลับมาตามตำแหน่งต่าง ๆ การเข้าปะทะและการหยุดเกมก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนจากรับเป็นรุก แต่การเปลี่ยนนี้ไม่ได้หมายถึงการเป็นผู้นำ แต่เป็นคนสนับสนุนในเกมรุกมากกว่า ทำให้เค้าไปถึงกรอบเขตโทษหรือ Box อีกฝั่งช้ากว่าคนอื่น แต่ก็คอยรับบอลและเคลื่อนบอลไปทั่ว และถ้ามีจังหวะก็จ่ายบอลและยิงไกลได้ด้วย บางคนเล่นตำแหน่งนี้มีความสามารถในการทำเกมมากกว่าคนอื่น จึงดูคล้ายนักเตะหมายเลข 10 ไปโดยปริยาย  ตำแหน่งนี้มีความสำคัญ เพราะว่าความสารพัดประโยชน์ จนทำให้บางทีมใช้ นักเตะ 2 คน ทีเดียวในตำแหน่งนี้ ยืนคู่กัน เช่น เยอรมัน ในบอลโลกปี 2014  ทำให้เรานึกภาพออกว่า ตำแหน่งนี้เป็นตัวหลักของทีมที่ขาดไม่ได้ ขนาดที่ว่านึกอะไรไม่ออกก็ส่งมาที่ Box To Box ได้เลย ที่จริง ตำแหน่งนี้ โด่งดังขนาดที่ มีการยกเลิกตำแหน่ง กองกลางตัวรับ ไปเลย เพื่อเปลี่ยนมาใช้ตำแหน่งนี้แทน หลังจากที่แผน 4-3-3 ถูกใช้น้อยลง

หวังว่าความรู้ที่มากขึ้นเช่นนี้ ของตำแหน่ง Box To Box จะช่วยให้แฟน ๆ และเพื่อน ๆ หันมาพูดถึง และเล่นบอลกันด้วยการแย่งกันเป็นกองกลางตำแหน่งนี้กันมากขึ้น มั่นใจได้ว่าเกมจะสนุกขึ้นมากแน่นอน

รับชมข่าวสารวงการกีฬาต่อได้ที่  thegreekplace.net

ผีลุ้นขึ้นที่6! 7 ประเด็นก่อนเกมแมนยูบุกรังเซาธ์แฮมป์ตัน

คืนนี้ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจออีกหนึ่งบททดสอบสำคัญ ในศึก พรีเมียร์ลีก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีคิวบ...