เป๊ปดวลอาร์เตต้า 5 ประเด็นร้อนก่อนแมนซิตี้ปะทะอาร์เซน่อล
พรีเมียร์ลีกจะกลับมาลงแข่งขันอย่างเป็นทางการและคู่ที่หลายคนจับตามองมากที่สุดคงหนีไม่พ้นบิ๊กแมตช์ระหว่างรองจ่าฝูงอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปะทะกับ อาร์เซน่อล
ถือเป็นเกมที่จะส่งผลกระทบต่อแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้และการลุ้นท็อปโฟร์ด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการลั่นกลองรบก่อนศึกบิ๊กแมตช์ เรามีประเด็นที่น่าสนใจก่อนเกมมาให้อ่านกัน
1.เป๊ป ปะทะ อดีตมือขวา มิเกล อาร์เตต้า ถือเป็นมือขวาคนรู้ใจของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และเขามีส่วนช่วยให้ แมนฯซิตี้ ประสบความสำเร็จมากมายตลอด 3 ฤดูกาล ทว่าช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว อาร์เตต้า ตัดสินใจอำลาตำแหน่งเพื่อโยกไปเป็นนายใหญ่ อาร์เซน่อล
นั่นทำให้ "เรือใบสีฟ้า" ต้องมองหาผู้ช่วยกุนซือคนใหม่ และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาก็ได้แต่งตั้ง ฆวนม่า ลีโย่ โค้ชเลือดกระทิงดุ เป็นมือขวาคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยโดยเจ้าตัวเคยเป็นบอสของ กวาร์ดิโอล่า สมัยคุม โดราโดส เด ซินาลัว ทีมในลีกเม็กซิโกช่วงระหว่างปี 2005-2006 ต้องมารอดูกันว่าความสัมพันธ์ของทั้งกุนซือและมือขวาคนนี้จะช่วยยกระดับทีมแมนฯซิตี้ขึ้นไปมากขนาดไหน แต่คืนนี้สิ่งที่น่าจับตามองคงหนีไม่พ้นการปะทะกันครั้งแรกของ เป๊ป และอดีตมือขวาของเขาอย่าง อาร์เตต้า ซึ่งกุนซือแมนฯซิตี้ก็ออกโรงพูดถึงอาร์เตต้าก่อนเกมเลยว่ารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ดวลกันและอาร์เตต้าก็เป็นคนที่รู้ไส้รู้พุงเกี่ยวกับ "เรือใบสีฟ้า" เป็นอย่างดี ดังนั้นบิ๊กแมตช์คืนนี้น่าดูน่าชมเหลือเกินว่านายใหญ่ "เดอะ กันเนอร์ส" จะมีเคล็ดลับหยุดอดีตบอสของเขาอย่างไร 2.ต้องหยุดเดอ บรอยน์ เควิน เดอ บรอยน์ ถือเป็นกำลังหลักของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ขาดไม่ได้จริงๆ ฤดูกาลนี้เขาโชว์ฟอร์มสุดยอดอีกครั้งด้วยการเป็นผู้นำแอสซิสต์ของพรีเมียร์ลีก ณ ตอนนี้ (16 แอสซิสต์) และถือเป็นหนึ่งในแค่สองนักเตะในลีกที่ทำแอสซิสต์มากกว่า 10 ครั้ง นอกจากนี้มิดฟิลด์วัย 28 ปียังสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมถึง 96 ครั้งซึ่งมากกว่านักเตะทุกคนในลีก
ฤดูกาลนี้ "ปืนใหญ่" ก็เจอ เดอ บรอยน์ แผลงฤทธิไปแล้วในเกมแรกด้วยการยิง 2 ประตู
พร้อมกับคว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เมื่อธันวามคมที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นภารกิจสำคัญของ อาร์เตต้า ในคืนนี้คือต้องตัดนักเตะผู้ขับเคลื่อนเกมรุกของแมนฯซิตี้คนนี้ออกจากเกมให้ได้ เราจะเห็นจากสถิติในฤดูกาลนี้ 2 นัดในลีกที่ทีขาด เดอ บรอยน์ ลงเอยด้วยการพ่ายแพ้ต่อ วูล์ฟส์ และแมนฯยูไนเต็ด หากหยุดกองกลางรายนี้ไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะปราชัยเหมือนเกมแรก
3.อเกวโร่ vs โอบาเมยอง สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้การปะทะกันของกุนซือคือการดวลความคมระหว่างกองหน้าของทั้งสองทีมนั่นคือ เซร์คิโอ อเกวโร่ และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ทั้งสองกำลังขับเคี่ยวอยู่ในกลุ่มผู้นำดาวซัลโวฤดูกาลนี้ โดย เจมี่ วาร์ดี้ รั้งอันดับ 1 ของตารางที่ 19 ประตูตามมาด้วย ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ที่ 17 ประตู ขณะที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ รั้งอันดับ 3 ด้วยจำนวนประตู 16 ลูก หากใครยังจำกันได้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว หัวหอกปืนใหญ่ มารัวประตูเร่งเครื่องในช่วงท้ายๆของฤดูกาลจนทำให้เขาคว้ารางวัลรองเท้าทองคำร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และซาดิโอ มาเน่ ไม่แน่ว่าฤดูกาลนี้เขาอาจจะทำได้อีกครั้ง 4.เรือใบข่มมิด สถิติการเจอกันในช่วงหลังต้องบอกว่า แมนฯซิตี้ กินเรียบเลยก็ว่าได้เพราะ 6 นัดหลังสุดที่เจอกันในทุกรายการเป็นอาร์เซน่อลที่เป็นฝ่ายปราชัยทั้งหมด ครั้งสุดท้ายที่ "ไอ้ปืนใหญ่" คว้าชัยเหนือ แมนฯซิตี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วในศึกเอฟเอ คัพ ที่ อาร์เซน่อล เอาชนะได้ 2-1 แต่หากนับเฉพาะในลีกก็ต้องย้อนกลับไปไกลถึงในปี 2015 ซึ่งเกมนั้น ธีโอ วัลค็อตต์ และโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ช่วยกันยิงประตูเฉือนชนะแมนฯซิตี้ 2-1 แต่ปัจจุบันทั้งคู่ออกจากสโมสรเป็นที่เรียบร้อย อย่างไรก็ตามในปี 2020 นี้ อาร์เซน่อล ยังคงไม่แพ้ใครในลีก nssafame.com ขณะที่เกมเยือน 7 นัดหลังสุดก็ไม่ปราชัยต่อใครเช่นกัน ทว่าพวกเขาดันเสมอถึง 6 นัดและชนะแค่นัดเดียว 5.หงส์จ้องตาเป็นมัน ฤดูกาลนี้แมนฯซิตี้ทำแต้มหล่นบ่อยครั้งทำให้พวกเขาแทบจะล้มเหลวในการป้องกันแชมป์ลีกแล้วและการปราชัยต่อคู่ปรับร่วมเมืองในนัดล่าสุดทำให้พวกเขาต้องตามหลัง ลิเวอร์พูล ถึง 25 แต้มเลยทีเดียว ตอนนี้ "เรือใบสีฟ้า" ทำได้แค่ยื้อเวลาและเก็บแต้มเพื่อยึดรองจ่าฝูงเท่านั้น
แต่สำหรับแฟน "หงส์แดง" พวกเขาก็คงต้องแช่งแมนฯซิตี้เพื่อให้ได้แชมป์เร็วที่สุดและ ลิเวอร์พูล ก็มีสิทธิ์ที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกตั้งแต่สัปดาห์แรกของการรีสตาร์ทเลยหากคืนนี้ผลการแข่งขันนั้นเป็นใจพวกเขา นั่นคือ แมนฯซิตี้ ต้องพ่ายแพ้คาบ้านต่อ อาร์เซน่อล และสาวก "เดอะ ค็อป" ก็มีสิทธิ์ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกในวันอาทิตย์ที่ 21 มิ.ย. นี้ทันทีหากพวกเขาคว้าสามแต้มในการดวลกับเพื่อนบ้านอย่าง เอฟเวอร์ตัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น