ใครได้แชมป์?เผยทีมพรีเมียร์ฯที่เสียค่านายหน้าให้เอเยนต์เยอะสุด

เอฟเอ เปิดเผยเรื่องค่านายหน้า

ค่านายหน้า ที่แต่ละทีมใช้ไปในช่วง 1 ก.พ. ปี 2019 จนถึง 31 ม.ค. ที่ผ่านมา และแชมป์ก็คือ ลิเวอร์พูล โดยมันถือเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันด้วยที่พวกเขาจ่ายค่านายหน้าเยอะที่สุดใน พรีเมียร์ลีก แต่ตัวเลขมันก็ลดลงมาจากปีก่อนเหมือนกัน ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ที่จ่ายเงินค่านายหน้าให้กับบรรดาเอเยนต์มากที่สุดในระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 2019 จนถึงวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา ด้วยจำนวน 30.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,212 ล้านบาท) ตามการเปิดเผยจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ตามกฎของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) แล้วนั้น เอฟเอ จำเป็นต้องรายงานเรื่องค่าใช้จ่ายของบรรดาทีมใน 5 ลีกสูงสุดของอังกฤษ (พรีเมียร์ลีก, เดอะ แชมเปี้ยนชิพ, ลีก วัน, ลีก ทู และ เนชันแนล ลีก) ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนั่นรวมถึงจำนวนเงินที่ต้องจ่ายให้กับเอเยนต์ด้วย

ทั้งนี้ นี่ถือเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่ ลิเวอร์พูล ครองแชมป์ในชาร์ตนี้ 

แต่ที่จริงค่าใช้จ่ายด้านเอเยนต์ของพวกเขาก็ลดจากปีก่อนเหมือนกัน เพราะปีที่แล้ว "หงส์แดง" มีค่าใช้จ่ายในด้านนี้เกือบ 44 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,760 ล้านบาท) เลยทีเดียว โดยการที่มันนับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปีก่อน จนถึงวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา

ทำให้หมายความว่ามันนับรวมตลาดเสริมทัพช่วงซัมเมอร์ ปี 2019 และตลาดช่วงหน้าหนาวในปีนี้เข้าไปด้วย สำหรับอันดับ 2 ในรอบนี้ได้แก่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จำนวน 29 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,160 ล้านบาท) โดยที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามมาเป็นที่ 3 ด้วยจำนวน 27.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,104 ล้านบาท) ส่วนที่ 4 ตกเป็นของ เชลซี จากการที่ใช้เงินด้านนี้ไป 26.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,048 ล้านบาท) ขณะที่อันดับ 5 คือ minijs.com เอฟเวอร์ตัน จากการใช้เงินในด้านนี้ไป 16.9 ล้านปอนด์ (ประมาณ 676 ล้านบาท) ทั้งนี้ เลสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซน่อล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อีก 3 ทีมชั้นนำของ พรีเมียร์ลีก นั้น เสียค่านายหน้าในช่วง 1 ปีไป 15.36 ล้านปอนด์ (ประมาณ 614.4 ล้านบาท), 13.55 ล้านปอนด์ (ประมาณ 542 ล้านบาท) และ 12.49 ล้านปอนด์ (ประมาณ 499.6 ล้านบาท) ตามลำดับ

ซึ่งโดยรวมแล้ว 20 ทีมใน พรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาลปัจจุบันก็เสียค่านายหน้าในช่วง 1 กุมภาพันธ์ ปีก่อน จนถึง 31 มกราคมที่ผ่านมาไปถึง 263.36 ล้านปอนด์ (ประมาณ 10,534.4 ล้านบาท) เพิ่มจากรอบก่อนหน้านี้ที่มีค่าใช้จ่ายด้านนี้รวมกัน 261 ล้านปอนด์ (ประมาณ 10,440 ล้านบาท)