วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ลุ้นท็อปโฟร์, หนีตกชั้น ! 5 เกมน่าสนใจแมตช์สุดท้ายพรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2019/2020


วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคมนี้ จะเป็นเกมสุดท้ายของฤดูกาล 2019/2020 


โดยแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทราบกับไปเรียบร้อยแล้วว่าเป็นของ ลิเวอร์พูล แต่ก็ใช่ว่าเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีจะหมดความตื่นเต้น เพราะยังมีการลุ้นทำอันดับไปลุยฟุตบอลถ้วยยุโรป และการหนีตกชั้นให้ลุ้นเสียวท้องน้อย โควตายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตอนนี้เหลือแค่ 2 ที่เพราะ "หงส์แดง" กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซิวไปเรียบร้อยแล้ว 2 ตำแหน่ง ฉะนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และ เลสเตอร์ ซิตี้ ต้องขับเคี่ยวกันจนหยดสุดท้ายเพื่อที่โอกาสที่จะได้ลุยในเกมถ้วยใบโตยุโรป

 ขณะเดียวกันการลุ้นอันดับไปเล่นถ้วยยูฟ่า ยูโรปา ลีก ก็ยังไม่จบ เพราะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ยังมีโอกาสที่จะได้ตั๋วใบนี้ ส่วนการหนีตกชั้นทั้ง แอสตัน วิลล่า, วัตฟอร์ด และ บอร์นมัธ ก็ต้องสู้ยิบตา แม้ "เดอะ เชอร์รี่ส์" จะมีโอกาสน้อยที่สุด แต่ก็ใส่ให้เต็มที่พร้อมแช่งชักหักกระดูสองทีมที่อยู่ด้านบนให้เพลี่ยงพล้ำและเสียประตูเยอะๆ 1. เลสเตอร์ ซิตี้ พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สถานการณ์ ณ เวลานี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือไฟ่เหนือกว่า เลสเตอร์ ซิตี้ เพราะพวกเขารั้งอันดับ 3 โดยมี 63 คะแนน สำหรับแมตช์ที่สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ทั้งสองทีมต้องการชัยชนะเป็นอันดับแรก เพื่อเป็นการการันตีท็อปโฟร์แน่นอน โดยไม่ต้องไปสนใจคู่ของ เชลซี กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ กระนั้นหากเกิดเหตุทีมของกุนซือโอเล่ กุนนาร์ โซลชา สะดุดขาตัวเองออกไปโดน "เดอะ ฟ็อกซ์" สอย งานนี้พวกเขาต้องลุ้นโควตาถ้วย "หูกาง" โดยหวังให้ วูล์ฟส์ ชนะ เชลซี นั่นจะทำให้ "สิงห์บลูส์" มี 63 คะแนนเท่ากับ "เร้ด เดวิลส์" แต่ผลต่างประตูได้เสีย แมนฯ ยูฯ (+28) เหนือกว่า เชลซี (+13) เยอะ ในขณะที่ เลสเตอร์ หากเก็บได้ 1 คะแนน งานนี้ต้องลุ้นให้ เชลซี โดน วูล์ฟส์ บุกมาสอยถึง "เดอะ บริดจ์" นั่นจะทำให้พวกเขายึดอันดับ 4 ด้วยผลต่างประตูได้เสียที่เหนือกว่า "สิงโตน้ำเงินคราม" เพราะทั้งสองทีมยิงประตูได้เท่ากันที่จำนวน 67 ลูก แต่ "เดอะ ฟ็อกซ์" เสียประตูน้อยกว่า ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาได้เปรียบตรงจุดนี้ ยังไม่หมดแค่นั้น เจมี่ วาร์ดี้ กองหน้าตัวเก่งเลสเตอร์ ต้องพยายามซัดประตูเพิ่มให้ได้ เพราะจะได้มีจำนวนประตูเพิ่มมากขึ้นจากที่ตอนนี้ซัดไปแล้ว 23 ลูก เหนือกว่า แดนนี่ อิงค์ส 2 ประตู และ ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเยมอง 3 ประตู และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ ราฮีม สเตอร์ลิง  4 คนละประตู 2. เชลซี พบ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ ตอนนี้ เชลซี รั้งอันดับ 4 มี 63 คะแนนเท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ผลต่างประตูได้เสียเป็นรองหลายขุม ขณะเดียวกันพวกเขามีแต้มนำ เลสเตอร์ ซิตี้ เพียงแค่ 1 แต้มเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่จะต้องทำให้ได้ก็คือการเก็บ 3 คะแนนในแมตช์รับมือ วูล์ฟแฮมป์ตัน ให้ได้ เหตุผลสำคัญที่ "สิงโตน้ำเงินคราม" ต้องชนะ เพราะทีมเป็นรองเรื่องประตูได้เสียทั้งกับ "ผีแดง" และ "เดอะ ฟ็อกซ์ (+28 เท่ากับแมนยู) แต่หากเกิดพลาดพลั้งทำได้เพียงแค่เสมอ วูล์ฟส์ งานนี้ก็ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจด้วยการลุ้นให้ เลสเตอร์ ไม่สามารถเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ถ้าหากเกิดเหตุเลวร้ายยิ่งกว่านั้น นั่นก็คือการแพ้ "หมาป่า" คาสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ งานนี้คงต้องสวดภาวนาให้  "ปีศาจแดง" บุกปราบ "จิ้งจอกสยาม" เท่านั้นถึงจะได้ตั๋วไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2020/2021 ด้าน วูล์ฟส์ ก็ใช่ว่าจะยอมง่ายๆ เพราะสถานการณ์ของพวกเขาก็สุ่มเสี่ยงที่จะพลาดโควตา ยูฟ่า ยูโรปา ลีก เนื่องจากมีแต้มนำ สเปอร์ส แค่ 1 คะแนน หากเสมอ หรือแพ้ และ ทีมของกุนซือโชเซ่ มูรินโญ่ ชนะ คริสตัล พาเลซ นั่นหมายวา "ไก่เดือยทอง" จะแซงขึ้นมาอยู่ที่ 6 ทันที

louisvilleghostwalks.com

เกมสำคัญนัดส่งท้ายพรีเมียร์


3. อาร์เซน่อล พบ วัตฟอร์ด เกมนี้ อาร์เซน่อล ไม่มีอะไรต้องลุ้นอยู่แล้ว เพราะยังไงพวกเขาก็ไม่มีทางทำอันดับไปเล่นในฟุตบอลถ้วยยุโรปแน่นอน แต่สำหรับ วัตฟอร์ด นี่คือเกมแห่งชีวิต เพราะสถานการณ์ของพวกเขายืนอยู่ปากเหวเนื่องจากมี 34 คะแนนอยู่ในโซนตกชั้น

เป้าหมายหลักของ "แตนอาละวาด" ก็คือต้องบุกชนะ "เดอะ กันเนอร์ส" ถึงถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ให้ได้ พร้อมกับยิงประตูให้ได้เยอะๆ เนื่องจาก วัตฟอร์ด มีประตูได้เสีย (-27) เป็นรอง แอสตัน วิลล่า (-26)  หาก "สิงห์ผงาด" ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด คะแนนจะเท่ากันที่ 37 แต้ม ฉะนั้นตัวแปรสำคัญก็คือผลต่างประตูได้เสียที่จะชี้ชะตาว่าใครจะได้อยู่รอด ขณะที่ บอร์นมัธ มีงานหนักรออยู่เมื่อต้องไปเยือน เอฟเวอร์ตัน ที่กูดิสัน พาร์ค ซึ่งพวกเขาต้องเอาชนะให้ได้สถานเดียวและต้องยิงประตูให้ได้เยอะๆ เพื่อจะได้ขยับแต้มจาก 31 คะแนน เป็น 34 แต้ม พร้อมสวดอธิษฐานให้ วัตฟอร์ด และ แอสตัน วิลล่า แพ้คู่แข่งและเสียประตูเยอะๆ จากนั้นค่อยมาวัดผลต่างประตูได้เสีย ซึ่ง ณ เวลานี้ "เดอะเชอร์รี่ส์" ติดลบ 27 เท่ากับ "แตนอาละวาด" 4. เวสต์แฮม ยูไนเต็ด พบ แอสตัน วิลล่า แอสตัน วิลล่า เจอกับงานหนักไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเพราะต้องไปเยือน "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มกำลังแรง แถมได้กำลังใจมาเป็นกระบุงจากการบุกเสมอ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด  ในเกมก่อนหน้านี้ แม้สถานการณ์ของ "สิงห์ผงาด" จะอยู่อันดับ 17 เหนือโซนตกชั้นก็ตามแต่มีแค่ 34 แต้มเท่ากับ วัตฟอร์ด โดยผลต่างประตูได้เสีย วิลล่า ติดลบ 26 ส่วน "แตนอาละวาด" ติดลบ 27  ดังนั้นพวกเขาต้องพยายามเอาชนะ "เดอะ แฮมเมอร์ส" พร้อมยิงประตูให้ได้เยอะๆ เพื่อที่จะการันตีการอยู่รอดปลอดภัย หากเกิดกรณีที่ วัตฟอร์ด ก็ชนะคู่แข่งเช่นกัน กระนั้นหากเสมอ หรือแย่ที่สุดคือแพ้ งานนี้ก็ต้องรีบไปตั้งกะทะเผาพริกเผาเกลือแช่งทั้ง วัตฟอร์ด และ บอร์นมัธ แพ้คู่แข่ง เพราะหากทั้งสองทีมดันเกิดชนะ และยิงประตูได้เยอะๆ อาจจะส่งผลให้ "สิงห์ผงาด" น้ำตาร่วงก็เป็นไปได้ louisvilleghostwalks.com 5. นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด พบ ลิเวอร์พูล เกมนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสนใจเนื่องจาก ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ไปเรียบร้อยแล้ว แต่จริงๆ แล้วยังมีสถิติที่ "หงส์แดง" มีโอกาสจะทำลายได้นั่นก็คือการเก็บคะแนนมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร หากพวกเขาบุกชนะ "สาลิกาดง" ในแมตช์สุดท้ายของซีซั่น ในเวลานี้ทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ ทำไปแล้ว 96 คะแนนน้อยกว่าเมื่อฤดูกาล 2018/2019 ซึ่งพวกเขาได้รองแชมป์ลีก เพียง 1 แต้มเท่านั้น ฉะนั้นหากสามารถหักคอ "สาลิกาดง" คาถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค จะทำให้ทีมมี 99 คะแนนสร้างสถิติใหม่ขึ้นมาทันที แถมยังเป็นสถิติคะแนนสูงสุดพร้อมกับตำแหน่งแชมป์ลีกในรอบ 30 ปีซะด้วย

นอกจากนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังมีลุ้นคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุด หรือ "รองเท้าทองคำ" (โกลเด้น บูท)  โดยในเวลานี้ "บังโม" ซัดไปแล้ว 19 ประตู เป็นรอง เจมี่ วาร์ดี้ หัวหอกจอมเก๋า เลสเตอร์ ซิตี้ ถึง 4 ประตู แต่หากเขาทำสำเร็จก็จะเป็นการคว้ารางวัลทรงเกรียตินี้ 3 สมัยซ้อน ต่อจาก อลัน เชียเรอร์ และ เธียร์รี่ อองรี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผีลุ้นขึ้นที่6! 7 ประเด็นก่อนเกมแมนยูบุกรังเซาธ์แฮมป์ตัน

คืนนี้ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจออีกหนึ่งบททดสอบสำคัญ ในศึก พรีเมียร์ลีก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีคิวบ...